วันเสาร์, พฤษภาคม 16, 2552

เมื่อต้องไปทำงานที่ชลบุรี (ฟ้า)

ได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติงานที่ จ.ชลบุรี 3 วัน 2 คืน ก็ได้ภาพอย่างที่เห็นข้างล่างทั้งหมด ออกจาก กทม. โดยรถตู้ที่ทำงานเกือบบ่ายสอง ถึง จ.ชลบุรีบ่ายสามโมงกว่าเกือบบ่ายสี่โมงเพราะแวะไหว้หลวงพ่อโสธรที่ จ.ฉะเชิงเทราก่อน เป็นประกาศิตของหัวหน้าให้แวะก่อนเข้า จ.ชลบุรี เมื่อสองอาทิตย์ก่อนหน้าก็เพิ่งมาวัดหลวงพ่อโสธร แต่วันนั้นแค่ไปไหว้พระที่องค์จำลองไม่ได้เข้าไปที่โบสถ์ใหญ่ ไม่ได้เตรียมตัวมาเข้าวัด เลยใส่เสื้อไหล่ล้ำโชว์แขนซะ ก็เลยต้องใส่เสื้อคลุมสวมทับอีกทีเป็นเสื้อคลุมสีเขียวตัวใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มสีเขียวปี๋แบบเหมือนเสื้อโรงพยาบาลยังงัยยังงั้นแฮะค่ะ....55555....




ออกจากวัดหลวงพ่อโสธร คนขับก็ตรงดิ่งไปชลบุรีเข้าถนนสายเก่าเพื่อพาไปไหว้ศาลเจ้าหน่าจา ไม่เคยมาที่นี่เลย เพิ่งมาเป็นครั้งแรกเลยตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษมาถึงที่นี่ก็เกือบใกล้ห้าโมงเย็นแล้ว ศาลนี้เค้าปิดเวลา 5 โมงเย็นเป๊ะ เราเดินดูเดินไหว้ไปเจ้าหน้าที่ของศาลก็มาตามปิดไป แต่อย่างนั้นก็ยังได้ภาพมามากมายแต่เอามาลงแค่นี้ล่ะค่ะ แบบว่าขี้เกียจทำและลงเยอะ




ออกจากศาลเจ้าหน่าจาคนขับรถก็พาไปตรงถนนไปอ่างศิลาเลยได้ภาพนู๋เจี๊ยกๆ มาแบบนี้ค่ะ มีเยอะกว่านี้นั่งกันสลอนเต็มพื้นที่ถนนไปหมดแบบไม่กลัวรถชนเอาซะเลย ปรากฏว่ารถต้องหลีกให้นู๋ลิง ส่วนนู๋ลิงก็นั่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อน เหมือนจะบอกว่าลองชนสิมีเรื่องจะเอาพวก(ลิง)รุมอะไรแบบนี้ล่ะ....55555....





ผ่านนู๋ลิงทั้งหลายก็ตรงไปบางแสนได้บรรยากาศภาพแบบข้างล่างเนี่ยล่ะค่ะ มืดครึ้มหน่อยเพราะเย็นมากแล้วอากาศก็เลยมัวซัวนิดหน่อย ส่วนมากเวลามาบางแสนจะไปริมหาด นั่งทานอาหารทะเลส้มตำแล้วดูเค้าเล่นน้ำกัน เพราะที่บางแสนคนจะเยอะมาก ชายหาดเลยเต็มไปด้วยร่ม ร้านอาหารพวกส้มตำ และผู้คนที่มาเที่ยวกัน อีกอย่างบางแสนจะอยู่ใกล้ กทม. มากกว่าพัทยาซึ่งต้องไปอีกไกล




มีนัดกับคนเลี้ยงที่ร้านติดดิน เป็นร้านอาหารเล็กๆ อยู่สุดชายหาดบางแสน แต่เป็นร้านที่คนที่อยู่ที่นี่จะรู้จักดีว่าอร่อย บรรยากาศก็น่านั่งเพราะติดริมทะเลเลย ยิ่งนั่งตอนแดดร่มลมตกแล้วได้บรรยากาศอย่างที่เห็น 2 ภาพล่างนี่ล่ะค่ะ




นี่ก็อีกบรรยากาศหนึ่งของทะเลยามพระอาทิตย์กำลังตกดิน ชอบภาพเหล่านี้มากค่ะได้อารมณ์ดีด้วย แต่ถ้าอยู่ในอารมณ์เหงาๆ คิดถึงใครคงได้น้ำตกกันบ้างล่ะนะ




หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้วก็ตรงไปศรีราชาเพื่อเข้าที่พักซึ่งจองที่พักไว้ที่ แคนนารี่ เบย์ ลงท้ายด้วยเบย์ คงคิดว่าเห็นอ่าว เว้าๆ แหว่งๆ ริมทะเล สิคะเนี่ย...555555...ส่ายหัวดิ๊กเลยค่ะ...เฮอะ...ไม่มีอ่ะค่ะ...มีแต่ตึก กะตึกล้อมรอบแต่ห้องตัวเองโชคดีตรงที่เห็นทะเลระหว่างมุมตึกกะมุมตึกโผล่มาให้เห็นว่านี่มานอนริมทะเลนะยะ...นิดนึง....นะ...ก็ยังดีล่ะ




ที่นี่เคยเป็นอพาร์ตเมนท์แล้วดัดแปลงมาทำเป็นโรงแรม ค่าที่พักต่อคืนก็ 3500 บาทแต่น่าอยู่มากๆ สำหรับห้องแบบนี้ถือว่าราคาถูก แต่สำหรับข้าราชการแบบเราๆ ถือว่าแพง ก็เลยได้ราคาข้าราชการ คือ 1500 บาทต่อคืน มีพิเศษหลังจากนี้ถ้าอยากมาพักเป็นการส่วนตัวเค้าจะให้ในราคาเดิม คือ 1500 น่าสนแฮะค่ะ..เพราะพักแล้วอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านตัวเองยังไงยังงั้นล่ะ




ที่นี่จะเหมือนคอนโด ที่มีห้องนอน 1 ห้อง ห้องน้ำ 1 ห้อง มีเพลนทีน เฟอร์นิเจอร์พร้อม ไม่ว่าโต๊ะทานข้าวขนาด 4 คนนั่ง เครื่องครัวพร้อมถ้าหากใครต้องการจะทำอาหารทานเองเค้าก็มีครัวไว้บริการให้หุงหาอาหารกันเอง มีตู้เย็นสำหรับจุอาหารขนาดใหญ่ มีเครื่องปิ้งขนมปัง เตาอบ เตาแก๊ส เครื่องดูควัน หม้อ กะทะ จานขามแก้วน้ำ บ้านมียังไงที่นี่มีให้แบบนั้นค่ะ...สำหรับตัวเองไม่ได้ใช้เพราะออกไปทานข้างนอกทุกวันกลับมาก็เป็นแบบหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนแล้ว....55555....





ที่นี่ดีอย่างมีทีวีให้ดู 2 เครื่องอยู่ในห้องนอน 1 เครื่อง อยู่ในห้องอเนกประสงค์อีก 1 เครื่องถ้าไปกัน 2 คนก็ไม่ต้องแย่งกันดูต่างคนต่างดูที่ตัวเองชอบไม่เหมือนไปพัก รร. ที่เคยไปมีทีวีเครื่องเดียวต้องถามว่าใครจะดูอะไร ถ้าหากติดละครคนละช่องก็ต้องมีสักคนที่ต้องหลีกทางให้อีกคนล่ะ มันช่างอึดอัดน่าดูเหมือนกัน แต่ที่นี่เค้าทำเหมือนเราอยู่บ้าน อบอุ่นยังไงไม่รู้ค่ะ ตอนเช้าไปชมกับเซลเค้าอมยิ้มแก้มตุ่ยที่เห็นคนที่เข้าพักมีความสุขกับการมาเข้าพักที่นี่...พนักงานที่นี่บริการดี ยิ้มแย้มน่ารักทุกคนไม่ว่าคนทำความสะอาด พนักงานต้อนรับ พนักงานติตต่อ พ่อครัว เซล นอบน้อมเป็นกันเอง เหมือนได้รับการฝึกมาดี...





ชอบถังขยะที่ทำด้วยไม้เป็นกล่องสี่เหลี่ยมมากๆ ตอนแรกสงสัยว่ากล่องอะไรนะทำซะอย่างดี เปิดดูถึงจะถึงบางอ้อ...ถังขยะนี่เอง...สวยนะคะ...





โรงแรมแคนนารี่ เบย์ มีบริการอบซาวด์น่า ฟิตเนส สระว่ายน้ำ มุมกาแฟสดไว้บริการให้ลูกค้าที่มาพักฟรี ทานเท่าไรไม่ว่าจะไปใช้บริการเมื่อไรได้หมด แต่พวกเราไม่มีเวลาเลยสักคนกว่าจะทำงานเสร็จก็เย็นมากแล้ว แล้วก็ต้องไปทานข้าวกว่าจะกลับมาก็ตาปรือแล้ว ก็เลยไม่ได้ไปใช้บริการของโรงแรม





ภาพนี้ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เห็นโคมไฟ แสงสวยดีในกล้องก็เลยถ่ายดู แต่รูปออกมาสีสวยดีก็เลยขอเอามาลงไว้หน่อย ก็คือโคมไฟธรรมดาๆ นั่นล่ะ





บรรยากาศ รอบๆ รร. ยามค่ำคืนของคืนวันแรก ยืนมองที่ระเบียงก็เลยลองถ่ายดูด้วยกล้องโซนี่ รุ่นถ่ายง่ายนั่นล่ะก็เลยได้ภาพขะมุกขะมัวแบบนี้ล่ะ แต่ก็สามารถเก็บเป็นที่ระลึกไดเหมือนกันแฮะค่ะ





วิว รร. ตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น เป็นตอนกลางวันที่พอจะเห็นอะไรค่อยชัดเจนหน่อย จะเห็นตึกเต็มไปหมด ความเจริญมาถึง จ.ที่อยุ่ใกล้ทะเลมากกว่า จ. ที่อยู่สันดอนไกลห่างทะเล แต่อย่างนั้นใครจะสังเกตบ้างว่าทะเลทางแถบตะวันออก บ้านและตึกจะหนาแน่นมากกว่าทะเลทางใต้นะคะว่ามั๊ยเอ่ย...





หลังเสร็จงานวันรุ่งขึ้นคือวันที่สอง เค้าพาไปเที่ยวที่เกาะลอย ศรีราชา ก็เลยได้วิวแบบภาพนี้มา ได้ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมด้วยล่ะ...และยืนดูทะเลแถบนี้สักพักก็ไปหาอะไรทานที่ร้านอาหารทะเลบางพระ เป็นร้านที่ตั้งอยู่ริมทะเลเช่นกันแต่วันนี้ไม่ได้นั่งสูดลมทะเลเพราะเริ่มมีฝนลงเม็ดปรอยๆ เลยเปลี่ยนมานั่งในห้องแอร์แทน 2 วันนี้ทานอาหารทะเลซะพุงกาง เค้าสั่งข้าวมาให้ทานไม่มีใครได้แตะต้องข้าวเลยสักคน เพราะอิ่มกับอร่อยหมดทุกอย่างค่ะที่ร้านี้ พอๆ กับร้านติดดินที่บางแสน พออิ่มก็เลยเดินออกมาเลาะริมทะเลหน้าร้าน ก็ไม่มีอะไรมีแต่เรือหาปลาที่จอดอยู่ที่ท่า กะคลองที่เป็นที่เก็บเรือประมง





วกกลับมาที่โรงแรมที่พัก...เห็นรูปภาพติดที่ฝาผนังเต็มไปหมด ไม่ว่าห้องนอน ห้องน้ำ ห้องรับแขก หรือหน้าประตูห้อง ไม่เคยเจอห้องพักติดรูปเยอะแยะขนาดนี้ก็เลยถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึกเหมือนภาพอื่นๆ ค่ะ...





หลังจากปฏิบัติหน้าที่เรียบร้อยก็ได้เวลากลับบ้านของแต่ละคน เดินทางจากชลบุรีไม่มีฝนตกเลยสักเม็ด แต่พอเข้าเขต กทม. ช่วงลาดกระบังเท่านั้นล่ะฝนเริ่มลงเม็ดและค่อยแรงขึ้นๆ พอผ่านลาดกระบังฝนก็เริ่มซาจนไม่มี แต่พอใกล้ที่ทำงานฝนก็เริ่มลงเม็ดอีกจนตกจั๊กๆ เลยล่ะ แย่จังเป็นวันศุกร์ด้วยสิ วันศุกร์ตามปกติรถก็ติดมากอยู่แล้ว นี่รวมฝนตกไปด้วย กทม. เป็นอัมพาตเลยค่ะ...555555....ตอนเดินทางจากชลบุรีไม่เหนื่อยค่ะขอบอก มาเหนื่อยก็ตอนเดินทางใน กทม.นี่ล่ะ...นึกว่ามีรถไฟฟ้าแล่นยาวขึ้นรถจะไม่ติดแล้วเชียวไหนได้ติดแหงกไม่ขยับเลยล่ะ แย่จริงๆๆ ประเทศไทย...โดยเฉพาะ กทม...






Tattoo Colour - ฟ้า . .







Counter
คนน่ารักเข้ามา
เริ่ม 20/3/52



เพลง: ฟ้า
อัลบั้ม: Hong Ser
แทททู คัลเล่อร์



คิดอยู่ ว่าต้อง ทนไว้
จะทุกข์ จะทน เท่าไร
ความรัก จะพา หัวใจไป
คิดเอง ว่าต้อง ทนไว้
แต่ยิ่งทุกข์ ยิ่งทน เท่าไร
ความรัก ที่มี ยิ่งหายไป

จะโทษดิน จะโทษน้ำ
จะโทษเดือน และดาว
กับเรื่องราว ที่ปวดร้าว
ที่เธอ มาทำ แล้วหนีไป

ฟ้า ถ้าไม่ส่งมา ให้เธอ มีใจ
บอกกัน ซักคำ เป็นไร
ว่าเหตุใด ต้องมา ทำร้ายกัน
จากนี้ เรื่องราว ที่มี ก็ให้ลืม มันไป
อย่าจำ ว่าเคย เป็นใคร
ว่ามีใคร ที่เคย ทำร้าย คนอย่างฉัน

ทุกวัน จวบจน วันนี้
ชีวิต ที่เรา ต้องมี
จากนี้ ต้องทำ ตัวเช่นไร
น้ำตา ที่ยัง รินไหล
จากความรัก ที่มี ทั้งใจ
สุดท้าย เค้านั้น หายไป

จะโทษดิน จะโทษน้ำ
จะโทษเดือน และดาว
กับเรื่องราว ที่ปวดร้าว
ที่เธอ มาทำ แล้วหนีไป

ฟ้า ถ้าไม่ส่งมา ให้เธอ มีใจ
บอกกัน ซักคำ เป็นไร
ว่าเหตุใด ต้องมา ทำร้ายกัน
จากนี้ เรื่องราว ที่มี ก็ให้ลืม มันไป
อย่าจำ ว่าเคย เป็นใคร
ว่ามีใคร ที่เคย ทำร้าย
(โนววว) จบกันซักที จบกัน แค่นี้ ไม่มีใคร
มีแต่ฟ้า ที่มองมา เห็นน้ำตา จากนี้ไป

โปรดเถิดฟ้า ถ้าไม่ ส่งมา
ให้เธอ มีใจ ก็บอกกัน ได้ไหม
เหตุใด ต้องมา ทำร้ายกัน
จากนี้ เรื่องราว ที่มี ก็ให้ลืม มันไป
อย่าจำ ได้ไหม ว่ามีใคร ที่เคย ทำร้าย
ว่ามีใคร ที่มา ทำร้าย คนอย่างฉัน



.

4 ความคิดเห็น:

  1. ห้องพักเมื่อเทียบกับราคาที่ได้แล้ว

    ถูกมากๆ เลยค่ะ^^

    ตอบลบ
  2. โหยสุดยอด สวยงามน่าพักมากเลยคับ น่าอิจฉาจัง ว่าแต่คงจะเหนื่อยน่าดูเลย
    หยุดเสาร์-อาทิตย์ก็พักผ่อนเยอะๆนะคับ จุ๊บๆๆๆ ^^

    ตอบลบ
  3. ตกลงว่าชอบรูปแสงสวยๆ

    ของโคมไฟธรรมดาค่ะ

    บรรยากาศน่านอนดี ^ ^

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ18 กุมภาพันธ์, 2553 22:10

    สวัสดีครับ
    พอดีเพิ่งมาดู จะบอกว่าร้านอาหารติดดินน่ะ อยู่ที่บางพระครับ
    คือบางพระเนี่ยเป็นตำบล ที่อยู่ระหว่าง ศรีราชา กะ หนองมนครับ
    (ขอบอกซะหน่อยละกันครับ) ขอบคุณ

    ตอบลบ

ออกความเห็นสักนิดจะมีข้อคิดให้อ่านทุกว้นค่ะ

Personlove