วันพุธ, ธันวาคม 31, 2551

หนูเน่าไป..วัวใหม่มาดีๆ นะคะ





สวัสดีปีใหม่ 2552 ขอให้สุขใจ ไร้ทุกข์ มีแต่เรื่องสุข เงินทองไหลมาเทมา สุขภาพดี การงานก้าวหน้า โชคลาภมาหา ความรักสดใส ตลอดปีและตลอดไปนะคะ....
สร้าง Comment ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง..คลิ๊กที่นี่




กับปีเก่าที่กำลังจะผ่านอยุ่ไม่กี่ ช.ม...เป็นปีที่ใครหลายๆ คนรู้สึกแย่ๆ ไม่ว่าเรื่องชีวิตของตัวเอง หรือชีวิตคนอื่นที่ดูแย่ๆ ไปหมด...สำหรับตัวเอง...เป็นปีที่ต้นร้ายปลายดี...ความรู้สึกย่ำแย่เหมือนกัน...ปัญหาเมื่อเกิดได้ก็ต้องจบได้ด้วยตัวของมันเอง...สำหรับตัวเองการตัดสินใจที่ฉับไวเป็นหนทางที่แก้ปัญหาดีที่สุดไม่ยืดเยื้อ...เป็นคนที่ตัดสินใจจะทำอะไรแล้วก็ทำเลย ไม่สับสนในตัวเองและยอมรับในสิ่งที่เกิดเพราะการตัดสินใจของตัวเองทุกกรณี...แต่สิ่งที่ยากที่สุด ตรงที่ต้องกุมวิถีชีวิตของใครอีกหลายคนกับการตัดสินใจของตัวเอง แต่แล้วในที่สุดก็ผ่านช่วงนั้นไปได้ด้วยดี...



จึงทำให้เกิดข้อคิดว่า "เวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น..." เพียงแค่มองปัญหาทุกอย่างที่เกิดให้ทะลุปรุโปร่ง แล้วตัดสินใจลองเสี่ยงดู แต่เป็นการเสี่ยงที่ต้องอาศัยความรอบคอบและมองการณ์ไกลแล้ว ทุกอย่างก็จะคลี่คลายลงได้



ที่ว่าต้นร้ายปลายดี...เพราะในต้นปีมีแต่ปัญหา ไม่ว่าเรื่องงาน เรื่องผู้คนที่ติดต่อ เรื่องส่วนตัว เรื่องผุ้คนรอบๆ ตัว ล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาและสร้างปัญหาให้ต้องขบคิดตลอดเวลา...บางครั้งมีร้องไห้ เสียใจ ดูเหมือนหนทางตีบตัน...แต่..พอเรียกสติกลับคืนมา ขบปัญหาให้แตก...ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี



ถึงแม้...เกือบตัองแลกกับชีวิตของใครบางคนไป...แต่นั่นก็เป็นบทเรียนที่ดีสำหรับตัวเองและใครบางคน ที่ตรงกับคำว่า "อย่าไว้ใจในมนุษย์ มันสุดแสนยากลึกเหลือกำหนด" แต่การมีสติช่วยให้คนเราผ่านพ้นสิ่งที่เลวร้ายไปได้



ช่วงกลางปี ก็ยังคงทุกข์หนักในหลายๆ เรื่อง...ทนอยู่กับปัญหาที่คนอื่นสร้างแล้วปล่อยให้เราแก้ไข จนตัวเราเองก็พลอยเซไปกับเค้าด้วย...ช่วงนี้มีใครบางคนคอยอยู่ด้วยตลอดเวลาถึงแม้จะช่วยอะไรไม่ได้เลยแต่อย่างน้อย ยังมีกำลังใจ คำพูดเล็กๆ น้อยให้รู้ว่า บนโลกใบนี้ยังมีใครคนหนึ่งอยู่เป็นเพื่อนเราและพร้อมจะไปกับเราได้ทุกที่ บางคนก็พยายามช่วยประคับประคองความรู้สึกแย่ๆ ให้กลับดี..."ก็ต้องขอบคุณทุกๆ คนที่เป็นกำลังใจมาตลอดค่ะ"



และในที่สุดก็..พบหนทาง...ที่ทำให้ทุกอย่างดึขึ้น โดยเอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพันในการตัดสินใจ เมื่อเวลาผ่านลุล่วงไปทุกอย่างก็ดีขึ้นเพราะการตัดสินใจในครั้งนี้ เมื่อคนอื่นมีความสุข ตัวเองก็มีความสุขด้วย...ไม่เสียทีที่เกิดมาชาติหนึ่งทำให้คนบางคนได้มีความสุข...ก็ยินดี



อยากบอกใครบางคนที่ชอบจมจ่อมอยู่กับความทุกข์ความเจ็บปวดที่ตัวเอง หรือคนอื่นยัดเยียดให้ว่า "บนโลกใบนี้แม้จะมีปัญหามากมายสารพัด...แต่ปัญหาทุกปัญหาที่เกิดมักมาพร้อมกับหนทางแก้อยู่แล้ว ขึ้นอยู่ที่ว่าใช้สติ พิจารณา หาหนทางเจอหรือไม่ต่างหากล่ะ"



เลิกคิดทำร้ายตัวเอง มองโลกด้านเดียว...แคบๆ ลองเปิดใจให้กว้าง และกล้าๆ หน่อยในการตัดสินใจทำในสิ่งที่ทำให้ชีวิตตัวเองดีกว่า...ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ....



ปัจจุบันของใครบางคนตอนนี้อาจดูไม่สวยหรู...แต่อนาคตมันไม่แน่นี่คะ...อย่าท้อถอย จงอดทน แล้วสักวันจะเป็นวันของเราจนได้ค่ะ...เชื่ออย่างนั้น จริงๆ...



หากว่าใคร...คิดว่าตัวเองไม่มีค่า เกิดมาเพื่ออะไร อยากให้ลองมองดูคนที่เค้ามีชีวิตที่แย่ๆ กว่าเรา แต่ถ้าหากต้องการจะทำชีวิตให้ดีขึ้นก็ลองมองคนที่ดีกว่า เหนือกว่าเรา แล้วลองกระตือรือล้นทำชีวิตให้ดีเหมือนเค้าหรือดีกว่าเค้าจะดีกว่ามั๊ย...



สำหรับเพลง "ม่านบังตา" ไม่เกี่ยวกับบล๊อกหน้านี้ พอดีแถวบ้านเค้าเลี้ยงฉลองปีใหม่กันแล้วเปิดเพลงเก่าๆ ดังมากระทบหู ก็เลยเข้าเนทหาเพลงคาราโอเกะฟังและร้องตาม เผอิญไล่อักษรไปเจอเพลงนี้เข้า เห็นเพราะดีก็เลยหามาลงในบล๊อกนี่ล่ะ ...เพราะดีแฮะ...



ทำให้คิดถึงใครบางคนจัง "ถึง เธอจะพราก จากฉันไกลกัน สุดความหวัง ฉันก็ยัง รักเธอ" และใครบางคนคงไม่โกรธและงอนนะคะ คนเรามีบ้างที่อยู่ในอารมณ์นี้ ความรัก ความผูกพันใช่จะลืมกันง่ายๆ มันมีบ้างล่ะที่หลุดเข้าไปสู่โหมดความหลัง...



ยังไงก็ขออวยพรให้ชาวไทยทุกคนมีความสุข สมหวัง ร่ำรวยๆ โดยเฉพาะรากหญ้าของประเทศ และขอภาวนาอย่าให้ผู้ใดออกมาทำร้ายประเทศเพื่อประโยชน์ส่วนตนและพรรคพวกของตัวเองอีกเลย ขอให้ฝันร้ายที่ผ่านมาในปี 2551 เป็นแค่ความฝันก็แล้วกันค่ะ และหวังว่าปีใหม่ 2552 ทุกอย่างดีขึ้น ชาวประชาหน้าใสตื่นจากฝันร้ายเสียที ร่ำรวยทั้งปีมีเงินใช้ ไร้โรคภัยไข้เจ็บกันทุกทั่วตัวคนนะคะ...



ดีใจๆ พรุ่งนี้ได้เจอใครบางคนแล้ว 1 เดือนเต็มพอดีเลยอ่ะ ไปล่ะค่ะ เดี๋ยวมีคนหมั่นไส้...5555555.....



ม่านบังตา
นัดดา วิยะกาญจน์

ถึง เธอจะพราก จากฉัน
ไกลกัน สุดความหวัง ฉันก็ยัง รักเธอ
ฉันยัง ซื่อตรง เสมอ
แม้เธอ เป็นของใคร ฉันไม่ แปรผัน
ถึงโลก จะแหลก สลาย
จันทร์ จะมืด แลหาย
ฉันไม่คลาย สัมพันธ์
ขอเธอ อย่าลืม เลือนฉัน
แล้วเราคง พบกัน
เหมือนจันทร์ ที่คู่ ดารา

แต่ฉัน ยังนึกหวั่น เสมอ
รักเธอ เลือนเหมือน ม่านบังตา
บางวัน ฉันเฝ้า คอยหา
เปลี่ยวอุรา พาให้ อาวรณ์
ถึงเธอ จะอยู่ แห่งไหน
เธอคงไม่ ลืมฉัน
เราจากกัน ร้าวรอน
ฉันรอ ด้วยใจ เร่าร้อน
ทุกคืนวัน ฉันนอน
ขอวอน เธอกลับ คืนมา

แต่ฉัน ยังนึกหวั่น เสมอ
รักเธอ เลือนเหมือน ม่านบังตา
บางวัน ฉันเฝ้า คอยหา
เปลี่ยวอุรา พาให้ อาวรณ์

ถึงเธอ จะอยู่ แห่งไหน
เธอคงไม่ ลืมฉัน
เราจากกัน ร้าวรอน
ฉันรอ ด้วยใจ เร่าร้อน
ทุกคืนวัน ฉันนอน
ขอวอน เธอกลับ คืนมา







วันอังคาร, ธันวาคม 30, 2551

กะเพลงลาทีก่อนปีหมู..55555...ขำอ่ะค่ะ



ช่วงนี้ใกล้ปีใหม่แล้ว...ขอส่งความสุขจนกว่าจะย่างเข้าปีใหม่และกันค่ะ...เจอการ์ดอวยพรน่ารักๆ ดูแล้วขำดีเลยเก็บมาฝากค่ะ แบบว่าคลายเครียดตอนปลายปีค่ะ...










ให้นาย











ให้เมีย








ให้เพื่อน





ให้กิ๊ก





































วันเสาร์, ธันวาคม 27, 2551

I love U love U

Wait a minute


เห็นเธอไม่โทรมา ก็เลยไม่กล้าโทรไป
เกรงใจเดี๋ยวรบกวนเธอเปล่าๆ
เราเพิ่งพบกันเอง ไม่ทันเป็นเรื่องราว
กลัวคิดถึงเว่อร์ไปจะไม่ดี

นึกว่าไม่โทรไป เธอคงจะไม่โทรมา
มีแค่ฉันวุ่นวายทุกนาที แทบไม่เชื่อนัยน์ตา
เซอไพรซ์ อ๊ะ! ซะไม่มี
เบอร์เธอโชว์พร้อมเสียงเรียกเข้ามา

ไม่นึกฝัน... ก็มันชื่นใจ...
พูดคำไหน... ตั้งตัวไม่ทัน...
จะกดรับ... ใจก็สั่น...
นี่แปลว่าเธอก็คิดถึงฉันมากใช่ไหม...

Wait a minute, รอหน่อยๆ อยากรับมากจริงๆ
ขอเวลาหน่อย นิดนึงๆ กำลังนึกคำอยู่
Wait a minute, รอก่อนๆ อย่าเพิ่งรีบวางหู
ฉันจะรีบบอกว่า I love U love U ที่เธอโทรมา

ถึงฉันยุ่งยังไง บอกไว้ว่าฉันยินดี..
เคลียร์ได้เลยถ้ามีเธอโทรมา
ฉันก็พร้อมโทรไป บอกรักเธอสามเวลา
ไม่ให้เธอต้องรอฉันข้างเดียว

ไม่นึกฝัน... ก็มันชื่นใจ...
พูดคำไหน... ตั้งตัวไม่ทัน...
จะกดรับ... ใจก็สั่น...
นี่แปลว่าเธอก็คิดถึงฉันมากใช่ไหม...

Wait a minute, รอหน่อยๆ อยากรับมากจริงๆ
ขอเวลาหน่อย นิดนึงๆ กำลังนึกคำอยู่
Wait a minute, รอก่อนๆ อย่าเพิ่งรีบวางหู
ฉันจะรีบบอกว่า I love U love U ที่เธอโทรมา

Wait a minute, รอหน่อยๆ อยากรับมากจริงๆ
ขอเวลาหน่อย นิดนึงๆ กำลังนึกคำอยู่
Wait a minute, รอก่อนๆ อย่าเพิ่งรีบวางหู
ฉันจะรีบบอกว่า I love U love U ที่เธอโทรมา

I LOVE U..


วันศุกร์, ธันวาคม 26, 2551

มาคิดดีทำดีต้อนรับปีใหม่กันดีกว่าเนอะค่ะ

ปี '51 (ที่เลวร้าย) ใกล้ไปเต็มที ปีใหม่ก็ใกล้เข้ามาแล้วคาดหวังว่าทุกอย่างของประเทศไทยเราจะไปในทิศทางที่ดีขึ้น ขอภาวนาให้เป็นแบบนี้...รัฐบาลใหม่ในขวด(เหล้า) เก่าๆ ได้เมากันอีกครั้งหนึ่ง....555555....เค้าบอกว่าใครทำกรรมอันใดไว้กรรมนั้นมักคืนสนองตามกฏแห่งกรรม...คิดีทำดีมักได้ดี คิดชั่วต่อให้ได้ดีชั่วก็ตอบสนองไม่วันใดวันหนึ่งเค้าว่ากันอย่างนั้นอีกล่ะค่ะ....


งั้นปีใหม่ลองมาคิดดีทำดี สิ่งไม่ดีๆ ในปีที่ผ่านมาให้มันผ่านเลยไป...แล้วตั้งต้นใหม่ อภัยให้กัน (ถึงแม้บางเรื่องไม่น่าให้อภัย) ก็ต้องให้อภัยเพื่อคนที่ทุกคนรักและเคารพบูชากันเนอะค่ะ งั้นลองมาดู 9 วิธีในการทำดี (คิดดี) แล้วกันนะคะ.....



9 วิธีทำดี


1. ตื่นเช้าขึ้นมาก็คิดแต่สิ่งดีๆ

ทันทีที่ตื่นนอน หากเราคิดถึงแต่สิ่งที่ดีที่งาม ก็จะทำให้จิตใจเราสดชื่น กระตือรือร้น พร้อมที่จะรับมือ กับชีวิตประจำวันด้วยความรื่นเริง ไม่หงุดหงิดโมโห แค่นี้ นอกจากเราจะมีความสุขแล้ว คนรอบข้างเราก็มีความสุขไปด้วย ถือว่าเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง


2. ยิ้มแย้มแจ่มใส

ในแต่ละวัน หากเราจะรู้จักยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ว่าจะยิ้มกับคนรู้จักหรือไม่รู้จักก็ตาม หน้าตาของเราก็จะดูเป็นมิตร ทำให้คนอยากเข้าใกล้ ถ้าเราเป็นพ่อแม่ ยิ้มกับลูกก่อนไปทำงาน ลูกก็ดีใจ ลูกยิ้มกับพ่อแม่ๆ ก็สบายใจว่าต่างคนต่างไม่มีเรื่องเดือนร้อนใจแน่ หรือหากมีก็กล้าจะมาปรึกษาหารือ หรือหากเป็นเจ้านาย ยิ้มกับลูกน้องๆ ก็รู้ว่าวันนี้นายอารมณ์ดี ทำให้ทำงานด้วยความมั่นใจ ไม่ต้องระแวงว่าจะถูกเรียกไปต่อว่าและถ้าเรียกก็ดูน่าจะมีเมตตา กว่าเวลาที่นายทำหน้ายักษ์


3. ทักทาย โอปราศรัย

คนบางคน นอกจากจะไม่ยิ้มกับใครแล้ว ยังชอบทำหน้าบึ้งตึง ไม่คิดจะพูดจาทักทายใครด้วย ซึ่งถ้าเกิดทำงานด้านบริการ คนมาติดต่อคงรู้สึกเกร็ง และกังวลตลอดว่าจะถูกเอ็ดตะโรเมื่อไรก็ไม่รู้ ดังนั้น นอกจากยิ้มแย้มแจ่มใสแล้ว เราก็ควรจะเอื้อนเอ่ยวาจาทักทายผู้มารับบริการก่อน การทักทายปราศรัยกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นผู้มาขอรับบริการ เพื่อนฝูงคนรู้จัก ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา หรือแม้แต่คนที่มาทำงานให้เรา เช่น แม่บ้าน ยาม ฯลฯ จะทำให้เขารู้สึกเป็นมิตร และ อบอุ่นใจ ทำให้บรรยากาศในที่นั้นๆ ดีขึ้น


4. แบ่งปันน้ำใจไมตรี

สามารถทำได้ทุกที่และทุกเวลา เช่น ช่วยพ่อแม่จัดโต๊ะอาหาร ล้างถ้วยชาม ลุกให้เด็ก ผู้หญิงท้อง หรือคนแก่นั่ง ช่วยถือของหนักให้คนในรถเมล์ หยุดรถให้คนข้ามถนน หรือรถอื่นไปก่อน ช่วยแบ่งเบาภาระงาน ให้เพื่อนในที่ทำงาน เป็นต้น การให้ความช่วยเหลือเช่นนี้ เป็นการทำบุญด้วยการลดความเห็นแก่ตัวของเราลง และทำให้เราได้รับมิตรไมตรีสนองตอบกลับมาด้วย


5. ปลุกปลอบให้กำลังใจ ช่วยแก้ไขปัญหา

หลายๆครั้งที่เพื่อนฝูงญาติมิตรอาจประสบปัญหาชีวิต และเกิดความทุกข์ใจแสนสาหัส สิ่งที่ดีที่สุดคือ ความเป็นมิตรและถ้อยคำที่ปลุกปลอบให้กำลังใจ คำพูดดีๆ ที่มาจากใจ จะทำให้ผู้ที่ตกอยู่ในห้วงทุกข์ รู้สึกดีขึ้นและมีพลังที่ต่อสู้ชีวิตต่อไปได้


6. ให้คำชมด้วยความนิยมยินดี

การกล่าวคำชื่นชมต่อผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ ย่อมจะทำให้ผู้รับคำชมรู้สึกปลาบปลื้มยินดี และมีความสุขได้ โดยเฉพาะในเรื่องที่เขาทำสำเร็จ แต่ทั้งนี้ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และจริงใจด้วย ดูอย่างตัวเราเองแค่วันไหน แต่งตัวสวย แล้วมีคนชม เราก็หน้าบานไปทั้งวันแล้วเช่นเดียวกัน คนทุกคนล้วนอยากได้การยอมรับและคำชมทั้งนั้น เพราะคำชมจะเป็นการเสริมเพิ่มกำลังใจให้อยากทำดียิ่งๆ ขึ้นไป


7. แนะนำให้คำสอนที่ดี มีคุณค่า

ไม่ว่าจะเราจะอยู่ในสถานภาพใด เช่น เป็นลูก เป็นพ่อแม่ ลูกน้อง เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมอาชีพ ฯลฯ หากเราจะมีเมตตา แนะนำในสิ่งที่ดี มีประโยชน์และคุณค่าต่อผู้อื่น หรือสอนในสิ่งที่เราชำนาญให้แก่ผู้อื่น ก็จะเป็นการช่วยเกื้อกูลสังคมให้ดียิ่งขึ้น และผลก็จะย้อนมาสู่ตัวเราผู้ทำด้วย เช่น สอนงานให้ลูกน้องต่อไป เมื่อเขาทำงานเป็น เราก็ไม่ต้องเหนื่อยมาก และเขาก็จะรู้สึกขอบคุณเรา แนะวิธีออกกำลังกายให้พ่อแม่ ท่านก็แข็งแรง ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยง่าย เราก็สบายใจ หรือแม้แต่การแนะนำให้ความรู้ที่เรามี หรือทราบมาแก่คนไม่รู้จัก อย่างแนะนำหมอ ยาดีๆ หรือธรรมะที่ดีแก่คนอื่น ทำให้เขาหายป่วยหรือรู้สึกดีขึ้น เขาก็จะอธิษฐานหรือให้พรเรา ทำให้เราพบแต่สิ่งดีๆ ในชีวิต


8. การให้อภัยในความผิดพลาดของผู้อื่น

โดยทั่วไปคนเรามักจะให้อภัยตัวเองง่าย และมีข้อแก้ตัวให้ตนต่างๆ นานา แต่ถ้าผู้อื่นผิดพลาดแล้ว เรามักเห็นเป็นเรื่องใหญ่ และตำหนิติเตียนไม่รู้จักแล้วจบ ดังนั้น เราจะต้องหัดมีเมตตา รู้จักให้อภัยต่อผู้อื่นให้ง่าย เหมือนให้อภัยแก่ตัวเราเอง เพราะการให้อภัย จะทำให้เราไม่ผูกใจเจ็บ ไม่อาฆาตมาดร้าย ไม่ก่อศัตรู แต่ทำให้จิตใจเราสงบเย็น เป็นฝึกจิตพื้นฐานอย่างหนึ่งที่จะนำไปสู่กุศลขั้นสูงอื่นๆ ต่อไป


9. ฝึกจิตให้สงบและสบาย ด้วยการทำสมาธิหรือสวดมนต์

การทำสมาธิ ฟังดูเหมือนยาก แต่จริงๆ เราทำได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หรือทำอะไรอยู่ เช่น กินข้าว อาบน้ำ ทำการบ้าน ทำงานบ้าน อ่านหนังสือ อยู่ที่ทำงาน หัวใจหลักคือให้เอาใจไปจดจ่อ ในสิ่งที่ทำเพียงอย่างเดียว จะทำให้เราทำทุกอย่างได้ดีขึ้น เพราะไม่พะวักพะวน คิดหรือทำหลายอย่างในเวลาเดียวกันอันทำให้ขาดสติ และทุกๆ คืนก่อนนอน ก็ควรสวดมนต์ไหว้พระที่เรานับถือ โดยอาจเลือกบทสวดสั้นๆ ที่เราชอบ เสร็จแล้ว ก็อย่าลืมแผ่เมตตาให้กับตัวเราเอง และผู้อื่นตามสมควร


ที่มา : ข้อเสนอแนะจากกลุ่มประชาสัมพันธ์
สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม






วันอังคาร, ธันวาคม 23, 2551

สิ่งดีๆ ที่นำมาฝากไว้ในบล๊อก

.
เอาคำทำนายตัวเลขเกี่ยวกับชื่อแต่ละคนมาให้อ่านกันดู สำหรับตัวเองแล้ว ค่อนข้างแม่นพอสมควรมีอะไรๆ หลายอย่างที่คือ ตัวเราเลยล่ะ ใครอยากรู้ว่าแม่นและตรงแค่ไหนก็ลองทำดูค่ะ...55555.....ตอนแรกอ่านไม่ดีนั่งท่องพยัญชนะแต่ละตัวซะ...ก็เลยสงสัยว่า ถ้าชื่อใคร นามสกุลใครรวมแล้วเป็นหลักร้อยทำงัยหว่า...เลยรู้ว่าตัวเองอ่านผิด...55555......เค้าให้เอาแค่ตัวสระมารวมกันตะหากล่ะ....ลองทำได้เลยค่ะ
.
ชื่อและนามสกุลของเรา บอกอะไรเราได้บ้าง
.

เริ่มต้นด้วยการเขียนชื่อและนามสกุลของคุณเป็นภาษาอังกฤษก่อน แล้วดึงเฉพาะตัวสระออกมา โดยแทนค่าสระเหล่านั้น ดังนี้

A = 1, E = 5, I = 9, O = 6 และ U = 3

เช่น Vivat Kotchabut ดึงสระออกมาแล้วแทนค่าเข้าไป จากนั้นให้บวกหาผลลัพธ์ กรณีที่ได้ผลลัพธ์เป็นเลข 2 หลัก ให้นำเลข 2 หลักนั้นบวกกันให้ได้เลขหลักเดียว ดังนี้

= I + A + O + A + U = 9 + 1 + 6 + 1 + 3 = 20 = 2 + 0 = 2 ได้ผลลัพธ์แล้ว ก็มาดูคำทำนายกันเลย
.

เลข 1 หรือ 10 เลขนี้มีลักษณะของคนที่จับทำอะไรแล้วมักจะสำเร็จ มีนิสัยเป็นผู้นำและมีความคิดริเริ่ม แต่ก็เป็นคนที่ต้องการกำลังใจอย่างมาก คนรักหรือเจ้านายต้องคอยกระตุ้นเตือนอยู่เสมอถึงจะลงมือทำ และถ้าได้ลงมือทำแล้วผลงานจะออกมายอดเยี่ยม ชอบความหรูหรา ฟุ่มเฟือย ไม่ว่าจะทำอะไรชอบเป็นหัวเรือหย่ายยยย..ย..ย จนเพื่อนบางคนไม่ชอบแต่คุณก้อมักจะชนะใจพวกเค้าได้ด้วยนิสัยที่อบอุ่น รักเพื่อนฝูง และมีพลังซึ่งเป็นพลังที่ไม่รู้จักหยุดไม่รู้จักเหนื่อย คนเลขนี้ไม่ควรมองย้อนหลัง จำไว้ว่าหนทางของคุณอยู่ข้างหน้า เต็มไปด้วยความใฝ่ฝันและความเชื่อมั่นในตัวเอง
.

เลข 2 เป็นคนชอบสังคม ชอบมีเพื่อน ชอบเปลี่ยนแฟนบ่อยๆ ไม่ชอบโต้เถียง ถ้าพูดโกหกแล้วหนีการโต้เถียงได้คุณก็จะยอมทำ ขี้สงสาร ถ้าใครทำท่าว่าต้องการคุณ คุณจะยินดีช่วยเหลือเค้าอย่างสุดหัวใจ คุณชอบอยู่สบายไม่ต้องลำบาก และไม่ต้องขวนขวายมาก คุณจะยินยอมทอดทิ้งแม้แต่ความใฝ่ฝันของคุณ เพื่อให้สอดคล้องกับคนอื่น จิตใจของคุณอ่อนโยน เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ไวต่อสิ่งกระทบราวกับเลนส์ไวแสง ฉะนั้นคุณก็เป็นคนรักชั้นยอด ใครมีคุณเป็นคนรักเห็นจะไม่ผิดหวัง
.

เลข 3 คุณเป็นคนเปิดเผย คิดอะไรแล้วมักจะทำสำเร็จ มีพลังไม่รู้จักเหนื่อย พูดจาชักจูงใจคนเก่ง ถ้าบริษัทไหนมีคนอย่างคุณเป็นพนักงานขายมากๆ คงได้ขายกันจนร่ำรวยแน่ คนเลข 3 ที่มีความทะเยอทะยานมากๆจะสามารถไต่เต้าจากระดับเลขานุการขึ้นไป จนถึงระดับประธานของบริษัทได้ไม่ยาก ทำงานได้สารพัดชนิด แต่ถ้าไม่ชอบหรือเบื่องานไหน จะเบื่อทันที และถึงแม้จะไม่ทิ้งงานก็จะทำส่งๆไปพอเสร็จเท่านั้น ถ้าทำอะไรผิดพลาดหรือประสบกับความพ่ายแพ้ล้มเหลว ก็จะไม่หวนกลับมาเศร้าเสียใจไม่รู้จักจบเป็นอันขาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรักหรือเรื่องอะไรก็ตาม หาเงินได้มากแต่ก็ใช้คล่อง มีเท่าไรก็ใช้หมดเกลี้ยง โดยไม่คิดจะเก็บไว้สำหรับอนาคต
.

เลข 4 คุณไม่ใช่คนช่างฝัน ชีวิตของคุณมีแต่ความจริงเท่านั้น คุณจึงเป็นน้ำหนักคอยเหนี่ยวรั้งเพื่อนฝูงและคนรักที่ชอบฝันเตลิดให้นึกถึงความจริงให้ได้ เป็นคนมีระเบียบและชอบให้อะไรเรียบร้อย คุณจะกลุ้มใจมากถ้าเกิดหลุดไปอยู่บ้านที่ไม่มีระเบียบเรียบร้อย คุณรักครอบครัว ขนบธรรมเนียมประเพณี ใช้เหตุผลมากกว่าจะใช้อารมณ์คุณเป็นคนที่คิดก่อนแล้วรู้สึกทีหลัง บางครั้งก็ดื้อหัวชนฝาเหมือนกัน คุณเกลียดความไม่จริงใจและการตีสองหน้าหลอกลวงกันยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด คุณน่าจะยั้งๆ ไว้บ้าง ไม่งั้นคุณอาจจะกลายเป็นคนขี้ระแวงและจริงจังเกินไป หัดเป็นคนขี้เล่นและไม่ค่อยเอาไหนบ้างก็จะดี คุณจะได้ผ่อนคลายความตึงเครียด และปล่อยตัวตามสบายเสียบ้าง
.

เลข 5 คุณชอบอิสระเสรี เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตามใจชอบ คิดอะไรง่ายๆ และไม่ยอมให้มีอะไรมาผูกมัดคุณเป็นอันขาด คุณเป็นคนที่ความรู้สึกไว มักจะรู้อะไรที่คนอื่นเค้าไม่รู้ ฉลาด วิพากษ์วิจารณ์อะไรได้อย่างน่าฟัง และมองอะไรปราดเดียวมักจะเข้าใจได้ก่อนคนอื่น ความมีชีวิตชีวาของคุณมักจะทำให้คนติดใจ ปัญหาสังคมของคุณมีอยู่อย่างเดียว คือมีเพื่อนมากเกินไป เลข 5 เป็นเลขของนักเผชิญโชค เรื่องที่จะต้องระวังให้ดี คืออย่าเผลอทำอะไรให้มันเลยเถิดไปมากนัก เช่น เวลาที่ถูกดุก็ให้นิ่งเสียบ้าง แทนที่จะเถียงสวนออกไปทันควันอย่างนั้น หรืออย่าเทกระเป๋าเล่นใช้เงินหมดโดยไม่รู้ตัว หรืออย่าพยายามกิน....กิน....กิน มากเกินไป
.

เลข 6 คุณมีสัญชาตญาณของการคุ้มครองปกปักอย่างแรง คุณชอบที่จะเป็นที่ต้องการของใครสักคน ไม่งั้นชีวิตของคุณจะหมดความหมายไปทันที ถ้าคุณไม่มีคนรัก คุณก็ต้องหา สัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงไว้แทน คุณชอบ"ให้" แต่คนรับต้องแสดงว่าเห็นคุณค่าที่คุณได้ให้เค้าด้วย การที่คุณทำตัวเป็นพ่อพระแม่พระกับคนที่คุณรัก บางทีก็ทำให้คุณช้ำใจได้เหมือนกัน คุณเป็นคนดี ใครๆ ก็รักคุณ แต่เค้าก็รักคุณได้ไม่มากพอสักคน คุณชอบมีภาระหน้าที่ และชีวิตของคุณมักจะไปผูกพันใกล้ชิดกับความต้องการและความสุขของคนอื่นๆอยู่เสมอ คุณเป็นคนชื่อตรงต่อหน้าที่และคอยแต่จะกังวล จึงน่าจะระวังรักษาเส้นประสาทไว้ให้ดีสักหน่อย ถ้าคุณสามารถงดกาแฟหรือเครื่องดื่มกระตุ้นประสาทได้ก็จะดีมาก
.

เลข 7 คุณเป็นคนหัวสูง รสนิยมดี ไม่ค่อยจะตัดสินใจชอบอะไรง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ ผู้คน หรือสถานที่ กว่าคุณจะชอบได้คุณจะต้องเลือกแล้วเลือกอีก เพราะคุณมักจะมองเห็นที่ติหรือข้อบกพร่องอยู่เรื่อย คุณเป็นช่างคิดและคิดปัญหาอะไรต่อมิอะไรออกทะลุปรุโปร่งเสียด้วย ไม่ชอบแสดงอารมณ์ และไม่ชอบความหยาบกระด้างของชีวิต เหมาะที่จะแต่งงานกับมหาเศรษฐีเงินล้าน แวดล้อมด้วยข้าทาสบริวาร บ้านใหญ่โตหรูหรา มีเครื่องอำนวยความสะดวกนานาชนิด ใช้ชีวิตอย่างนั้นคุณจะเบ่งบาน เหมือนดอกไม้ขยายกลีบออกรับแสงอรุณ แต่การดำเนินชีวิตที่ถูกกับคุณจริงๆ คือ แบบเรียบๆ ไม่วุ่นวาย จุดอ่อนของคุณมีอยู่อย่างหนึ่ง คือ มักจะตกอยู่ในอารมณ์เศร้าหมองและประชดประชัน อย่างเช่น แฟนของคุณลืมชมว่า คุณแต่งตัวสวยในวันเกิดของคุณ คุณก็จะแค้นใจและเหน็บแนมเค้าอยู่หลายวัน
.

เลข 8 เลขนี้เหมาะที่จะเป็นผู้นำ มีการตัดสินใจที่ดีและดำเนินธุรกิจได้อย่างเฉียบแหลม ทำงานใหญ่ได้สบาย คุณชอบอำนาจ เงินและชื่อเสียง เวลาเลือกคนรักคุณก็มักจะมองคนที่มีคุณสมบัติอย่างว่า พอถึงคราวจะแต่งงาน คุณจะแต่งงานกับคนที่มีอนาคตรุ่งโรจน์มากกว่าคนที่มีแต่ความรัก สิ่งที่คุณทนไม่ไหว คือการที่คุณทำอะไรเหยาะแหยะ ไม่เป็นท่า และคุณก็เกลียดการเล่นสกปรกเป็นอย่างมาก คุณมีกำลังใจเข้มแข็ง จนไม่ต้องพึ่งเครื่องช่วยอะไรทั้งนั้น เรื่องที่คุณจะต้องระวัง คือ คุณมักจะเคร่งเครียดเกินไป อาจจะทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหารได้ และถึงแม้ว่าคุณจะทำอะไรได้เองทุกอย่างและทำได้อย่างดีเยี่ยม คุณก็น่าจะหัดปล่อยให้คนอื่นเค้าทำเสียบ้าง อาจจะมีดีบ้างไม่ดีบ้างก็ช่างมันเถอะ
.

เลข 9 คุณเป็นคนเผื่อแผ่ ใจดี รักเพื่อนมนุษย์ ถ้าคุณเกิดมาร่ำรวยคุณจะโปรยเงินช่วยเหลือใครต่อใครเป็นว่าเล่น ในเรื่องของความรัก คนหมายเลข 9 จะรักเพื่อความรักแท้ๆไม่ใช่เพื่อเงินหรือสิ่งอื่น สำหรับคุณ ความรู้สึกเป็นเรื่องสำคัญและมาก่อนเหตุผล ซึ่งเรื่องนี้คุณน่าจะระวังหน่อย ส่วนที่คุณควรจะระวังอีกก็คือ อย่าตามใจตัวเองมากนัก แล้วก็อย่าเบื่ออะไรเร็วด้วย อย่าปล่อยให้อารมณ์พาคุณเปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ หรือเปลี่ยนแฟนไปคนแล้วคนเล่า และเวลาโกรธน่ะอย่าส่งเสียงโวยวายให้มากนัก ไม่มีใครรู้หรอกว่าที่จริง คุณไม่ได้ดุร้ายขนาดนั้นสักหน่อย
.

เลข 11 คุณเป็นนักกินในอุดมคติ มองโลกในแง่ดีตลอดเวลาและไม่มีทางที่จะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ ถ้าเป็นไปในทางที่ดี คุณเป็นคนที่มองคนในแง่ดีจนกลายเป็นว่าคุณออกจะหลงเชื่องมงายไปหน่อย หลงมองเห็นใครต่อใครดี โดยไม่หยุดมองแง่ร้ายในตัวเขาบ้างเลย กว่าจะรู้ก็สายเกินควร เค้าก็ทำให้คุณเจ็บใจจนอกแทบวอดวายไปแล้ว
.

เลข 12 เลขนี้เป็นนักอุดมคติตัวจริง แต่เป็นชนิดไม่ฝันหวานจนลืมความจริง และจะเป็นครูได้ดีเพราะมีอุปสรรคที่เป็นสื่อความคิดได้ดี เหมือนน้ำเป็นสื่อกระแสไฟฟ้า สามารถสะสางเรื่องที่ยุ่งยากต่างๆ ได้สบายมาก เช่นเรื่องวุ่นวายที่ต้องใช้ความสามารถหว่านล้อมและประนีประนอม


.

พักนี้ทุกคนจะมีปัญหากันถ้วนทั่วหน้าเป็นที่ปรึกษาบ้าง ไปปรึกษาเค้าบ้างถ้าตัวเองเป็นที่ปรึกษาก็จะมีคำพูดนี้ให้เสมอว่า "ให้คิดอะไรในแง่บวก คิดแง่บวกเราก็จะได้อะไรบวกๆ ทำให้เรามีความสุข ถ้าคิดอะไรเป็นลบ ก็ทำให้การมองโลกเศร้าหมอง เป็นทุกข์ แล้วอยากจะคิดในแง่บวกหรือแง่ลบล่ะคะ" เปิดมาเจอพอดีของท่าน ว. วชิระเมธี เรื่อง คิดบวก...ชีวิตบวก ก็เลยเก็บมาฝากเผื่อใครสนใจวิธีคิดให้ชีวิตเป็นบวกๆ บ้าง

.

คิดบวก...ชีวิตบวก โดย ท่าน ว.วชิระเมธี

.

เวลาเจองานหนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ

เวลาเจอปัญหาซับซ้อน ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ

เวลาเจอความทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต

เวลาเจอนายจอมละเมียด ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (Perfectionist)

เวลาเจอคำตำหนิ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ

เวลาเจอคำนินทา ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย

เวลาเจอความผิดหวัง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต

เวลาเจอความป่วยไข้ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี

เวลาเจอความพลัดพราก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง

เวลาเจอลูกหัวดื้อ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสทองของการพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง

เวลาเจอแฟนทิ้ง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ

เวลาเจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว ให้บอกตัวเองว่า นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง

เวลาเจอภาวะหลุดจากอำนาจ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง

เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน ให้บอกตัวเองว่า นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม

เวลาเจอคนเลว ให้บอกตัวเองว่า นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์

เวลาเจออุบัติเหตุ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด

เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบททดสอบว่าที่ว่า "มารไม่มีบารมีไม่เกิด"

เวลาเจอวิกฤต ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรม "ในวิกฤตย่อมมีโอกาส"

เวลาเจอความจน ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต

เวลาเจอความตาย ให้บอกตัวเองว่า นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์

.


.


ส่วนเรื่องนี้อ่านดูแล้วขำๆ แต่พออ่านไปๆ กับได้แง่คิดมากมายเผอิญเคยคุยกับคนที่เคยสัมผัสความตาย เค้าเคยพูดกับเราว่า "ความตายไม่น่ากลัวเลย แค่วูบเดียวเองไม่เจ็บไม่ปวดอะไร" ซึ่งตัวเองไม่รู้หรอกว่าจริงหรือเท็จอย่างที่พูดหรือไม่ แต่คนพูดเค้าก็ยืนยันอย่างนั้น...ไม่อยากพูดเรื่องนี้เลยเป็นความเศร้าของตัวเอง ทุกครั้งที่คิดเรื่องนี้...เฮ้อ.....

หลวงตาเจือกับนายรถซุง

เกี่ยวกับความตาย



เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าเรื่องราวการสนทนาปราศรัยของนายรถซุงขี้เมาประจำหมู่บ้านกับหลวงตาเจือ พระผู้เป็นตาของนายรถซุงซึ่งบวชมายี่สิบกว่าพรรษา เพราะว่าเบื่อทางโลกแต่ดูท่าจะเบื่อหลานซะมากกว่า


นายรถซุง หลวงต๊า.........หลวงตา....หลวงตาที่ร๊ากกกกกกกกกกกกก


หลวงตาเจือ เป็นอหิวาอะไรมาอีกล่ะ...ไอ้หลานร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


นายรถซุง แหม..เดี๋ยวนี้มีลากเสียง ไม่ผิดวินัยสงฆ์เหรอหลวงตา


หลวงตาเจือ ไม่มีบัญญัติไว้ว่าสงฆ์ห้ามลากเสียงยาวอ้าว..แล้วเรียกข้าเสียงหลงมาเนี่ย..มีอะไร


นายรถซุง มะมีไร...เรียกด้วยความคิดถึง.....


หลวงตาเจือ โถ.....พ่อสุดสวาทขาดใจ พ่อยอดลำไส้ใหญ่ของหลวงตามามะ...มาใกล้ใกล้..ให้หลวงตาฝากรักซักป๊าบสองป๊าบมา...


นายรถซุง เรื่องอะไร...จะยอมเจ็บตัวฟรี เอ่อ...หลวงตา...เมื่อกี้เดินผ่านร้านยายชู


หลวงตาเจือ ทำไม..เกิดจิตพิศวาทเห็นยายชูสวยขึ้นมารึไง


นายรถซุง ป่าว...แก่คราวยายมองยังไงให้สวยล่ะ


หลวงตาเจือ แล้วทำไม..ยายชูเป็นอะไร


นายรถซุง ยายชูไม่เป็นอะไร...แต่..ตายงค์ฝาละมียายชู..ไปรายงานตัวที่ยมโลกแล้ว


หลวงตาเจือ แล้วไงอายุปูนนั้นแล้ว


นายรถซุง ตายงค์ตายอ่ะไม่แปลก แต่ที่แปลกไม่เห็นลูกเต้าเขาจะเสียอกเสียใจ


หลวงตาเจือ จริงๆเขาก็เสียใจ แต่บางครั้งการตายก็เป็นเรื่องที่ดี


นายรถซุง ดียังไงล่ะหลวงตา


หลวงตาเจือ อ้าว..ก็ดีกว่าอยู่ทุกข์ทรมานอ่ะดิตายงค์น่ะ แปดสิบกว่าจะเก้าสิบแล้วนะแล้วก็เจ็บออดออดแอดแอด...เดินเหินลำบากลูกๆเขาก็คงเห็นว่าการตาย จะเป็นการพ้นจากกองทุกข์ที่รุมรุกอยู่และไปสู่ภพภูมิใหม่ที่ดีกว่า..เขาเลยไม่เสียใจต่อการจากไป


นายรถซุง มีงี้ด้วย


หลวงตาเจือ ความตาย..หนักเหมือนขุนเขา แต่ก็เบาเหมือนปุยนุ่นสำหรับคนที่พร้อมที่จะตาย ความตายก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวทำไมถึงบอกว่าพร้อมที่จะตายคนที่พร้อมที่จะตาย ก็คือคนที่ไม่ประมาทในการใช้ชีวิตคือใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีคุณค่า และคุ้มค่าต่อการมีชีวิตอยู่ทำให้ไม่รู้สึกเสียดาย หากว่าวันนี้หรือพรุ่งนี้ จะต้องตายถึงเรียกว่าพร้อมที่จะตาย ส่วนคนที่ไม่พร้อมที่ตายก็จำพวกที่ใช้ชีวิตอย่างประมาทหลงระเริงไปกับความสุขฉาบฉวยที่มอมเมาให้ลุ่มหลงคนจำพวกนี้ พอถึงเวลาตายหรือตายอย่างกระทันหันจิตก็ยังห่วงพะวง ว่าไอ้นั่นยังไม่ได้ทำไอ้นี่ยังไม่ได้ทำ ความตายของคนจำพวกนี้จึงถือเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องหนัก เพราะเขายังไม่พร้อมที่จะตาย


นายรถซุง แล้วหลวงตาล่ะ...พร้อมรึยัง


หลวงตาเจือ ข้าน่ะพร้อมนานแล้ว รอแต่เวลาสิ้นสุดอยู่ ดูแต่เอ็งเถอะ..พร้อมรึยังยังสำมะเลเทเมา ไม่รู้ร้อนรู้หนาวประมาทในการใช้ชีวิตเกิดปุบปับตายขึ้นมาจิตจะไม่สงบก้าวไปสู่ทุคติภูมิไม่รู้ด้วยนะโว้ยเดี๋ยวจะหาว่าหลวงตาไม่เตือน


นายรถซุง อ่ะนะ....แล้วจะพยายามนะหลวงตา


หลวงตาเจือ แล้วเอ็งจะไปไหนป่าวเนี่ย


นายรถซุง ไม่ได้ไป...หลวงตามีอะไรให้รับใช้ครับ


หลวงตาเจือ เดี๋ยวข้าจะไปเยี่ยมศพตายงค์ซักหน่อย เอ็งไปส่งข้าที


นายรถซุง ได้ขอรับหลวงตาที่ร๊ากกกกกกกก


ที่มา : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=nayrotsung&month=23-12-2008&group=3&gblog=5

.





ฟังเพลงเพลง อยู่เพื่อเธอ - รุจ The Star เดอะสตาร์

วันจันทร์, ธันวาคม 22, 2551

น่ากลัวจังคนท่องป่านอนเต๊นท์

เตือนนักท่องป่านอนเต็นท์ท้าลมหนาว ระวัง! ไรอ่อนกัดที่ลับ

หมอใหญ่เตือน “นักท่องป่า” นอนเต็นท์ท้าลมหนาว ระวัง! ไรอ่อนกัดที่ลับ ติดโรคสครับไทฟัส รวมทั้งไข้ป่าจากยุงก้นปล่อง อันตรายถึงตาย ขณะนี้ทั้ง 2 โรคพบได้ตลอดปี พบคนป่วยรวมกันกว่า 30,000 ราย เสียชีวิตแล้ว 47 ราย แนะหากป่วยหลังเที่ยวป่า 10-14 วัน ควรพบแพทย์



นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ ว่า ในช่วงฤดูหนาว สภาพอากาศเย็น ฟ้าโปร่ง ประชาชนจำนวนมากมักเดินทางไปท่องเที่ยวชมธรรมชาติ สูดไอหนาวในภาคเหนือ และนิยมไปเที่ยวป่า เดินป่า หรือกางเต็นท์นอนตามป่า ขอให้ระมัดระวังตนเอง เนื่องจากในป่าจะมีตัวไรอ่อน เป็นพาหะนำโรคสครับไทฟัส และมียุงก้นปล่องตัวการก่อโรคไข้จับสั่น หรือไข้มาลาเรีย ซึ่งยุงชนิดนี้อยู่ในป่า ออกหากินเวลากลางคืน ทั้ง 2 โรคนี้มีอันตรายทำให้เสียชีวิต

ทั้งนี้ จากรายงานโรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศในปี 2551 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม จนถึงพฤศจิกายน พบคนป่วยจาก 2 โรคนี้แล้ว 31,214 ราย เสียชีวิตรวม 47 ราย โดยโรคสครับไทฟัสป่วย 3,916 ราย เสียชีวิต 4 ราย และโรคมาลาเรียป่วย 27,298 ราย เสียชีวิต 43 ราย

นพ.ปราชญ์ กล่าวต่อว่า ผู้ป่วยโรคสครับไทฟัส พบมากสุดที่ภาคเหนือจำนวน 2,152 ราย อันดับ 1 คือ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ตาก เชียงใหม่ รองลงมา คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 987 ราย ส่วนภาคใต้และภาคกลางพบได้น้อย ส่วนโรคมาลาเรียพบมากที่สุดที่ภาคใต้ 11,532 ราย รองลงมา คือ ภาคเหนือ 9,513 ราย ภาคกลาง 5,265 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 988 ราย จึงขอให้ประชาชนระมัดระวัง ควรใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด ใส่กางเกงขายาวเสื้อแขนยาวป้องกัน ทั้ง 2 โรคนี้ไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่มียารักษาให้หายขาดได้

ด้านนพ.หม่อมหลวง สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคสครัปไทฟัส เกิดจากตัวไรอ่อน (Chigger) กัด ซึ่งในตัวไรอ่อนจะมีเชื้อริกเกทเซีย (Rickettsia orientalis) เชื้อนี้อาศัยอยู่ในระบบทางเดินอาหารของไรหลายชนิด เมื่อไรแก่ จะวางไข่ไว้บนดินและฟักเป็นตัวอ่อน ขนาดเท่าปลายเข็มหมุด มีสีส้มอมแดง มองเห็นด้วยตาเปล่า ไรอ่อนจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มๆ ตามทุ่งหญ้า หรือพื้นที่ทุ่งหญ้าชายป่า ป่าโปร่ง พุ่มไม้เตี้ยๆ หรือพื้นที่ป่าละเมาะ รวมทั้งพื้นที่ที่เป็นป่าทึบแสงแดดส่องไม่ถึง

โดยไรอ่อนจะกินน้ำเหลืองของสัตว์เลือดอุ่น เช่น นก หนู สัตว์เลื้อยคลาน รวมทั้งคนที่เดินผ่านด้วย จุดที่ไรอ่อนมักชอบกัด คือ ในบริเวณร่มผ้า ได้แก่ ที่อวัยวะสืบพันธุ์ ขาหนีบ เอว ลำตัว รักแร้และคอ ผู้ที่ถูกไรอ่อนกัดร้อยละ 30 จะพบแผลบุ๋มคล้ายโดนบุหรี่จี้ (Eschar) ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรคนี้ ตรงกลางรอยแผล จะเป็นสะเก็ดสีดำ ส่วนรอบๆ แผลจะแดง หลังถูกกัดประมาณ 10-12 วัน จะมีไข้สูง ปวดศีรษะมาก ปวดเมื่อยตามตัว ตาแดง อาจมีอาการทางปอดและสมองได้ ควรรีบไปพบแพทย์ หากรักษาไม่ทันอาจทำให้เสียชีวิตได้ ในการรักษาประชาชนควรต้องแจ้งประวัติการไปเที่ยวป่าให้แพทย์ทราบด้วย

การป้องกันไม่ให้ไรอ่อนกัด ผู้ที่จะไปเดินป่า หรือกางเต็นท์นอนในป่า ควรใส่รองเท้า สวมถุงเท้ายาวหุ้มปลายขากางเกงไว้ และเหน็บปลายเสื้อเข้าในกางเกง ใส่เสื้อแขนยาวปิดคอ ใช้ยาทากันแมลงกัดตามแขนขา แต่ไม่แนะนำให้ใช้ในรายที่ผิวหนังมีรอยถลอกหรือมีแผล และไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบ เพราะเด็กอาจเผลอขยี้ตาหรือหยิบจับอาหารและสิ่งของใส่ปาก ทำให้รับสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย เป็นอันตรายได้

สำหรับการยาทากันแมลงการทาครั้งหนึ่งจะออกฤทธิ์นาน 4 ชั่วโมง หลังออกจากป่าให้อาบน้ำให้สะอาด พร้อมนำเสื้อผ้าที่สวมใส่มาซักให้สะอาดทันที เพราะตัวไรอาจติดมากับเสื้อผ้าได้ ส่วนการตั้งค่ายพักในป่า ควรทำบริเวณค่ายพักให้โล่งเตียน หลีกเลี่ยงการนั่งและนอนบริเวณพุ่มไม้ ป่าละเมาะ หรือหญ้าขึ้นรก

ส่วนโรคมาลาเรีย เกิดจากเชื้อพลาสโมเดียม (Plasmodium) ซึ่งมี 4 ชนิด ที่พบบ่อยส่วนใหญ่เป็นชนิด พี.ฟัลซิพารัม (P.falciparum) ซึ่งเป็นชนิดที่รุนแรง และ พี.ไวแว็ก (P.vivax) มีระยะฟักตัวประมาณ 7-14 วัน มียุงก้นปล่องเป็นตัวแพร่เชื้อ อาการของโรคคือ ไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ พบผู้ป่วยได้ตลอดทั้งปี ทุกกลุ่มอายุ ลักษณะของอาการไข้ หากเป็นเชื้อฟัลซิพารัม จับไข้ทุก 36 - 48 ชั่วโมงหรือทุกวันก็ได้ และอาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงเช่น มาลาเรียขึ้นสมอง ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ปัสสาวะสีดำ ไตวาย ปอดบวมน้ำ ทำให้เสียชีวิตได้ ส่วนเชื้อไวแวก จับไข้ทุก 48 ชั่วโมงหรือจับวันเว้นวัน

การป้องกันโรคนี้ ไม่แนะนำให้กินยาป้องกันก่อนเข้าป่า เนื่องจากจะทำให้เข้าใจผิดว่ากินยาแล้วจะไม่ป่วยเป็นไข้มาลาเรีย และหากป่วยเป็นไข้มาลาเรียจริงๆ ก็จะตรวจไม่พบเชื้อ ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปนอนแคมป์ตามป่าเขา ควรเตรียมมุ้งหรือเต้นท์ชนิดที่มีตาข่ายกันยุง และสวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว แนะนำให้ใช้สีอ่อนๆ เพราะการใส่เสื้อผ้าสีดำ มักดึงดูดความสนใจให้ยุงกัดได้มาก รวมทั้งควรจุดยากันยุง ทายากันยุงหรือยาทาไล่ยุงที่แขน ขา ใบหู หลังคอ และส่วนที่อยู่นอกเสื้อผ้า เพื่อป้องกันยุงกัด ทั้งนี้ภายหลังกลับจากเที่ยวป่าแล้ว หากมีไข้ ต้องรีบพบแพทย์ และต้องแจ้งประวัติแก่แพทย์ที่ตรวจรักษาด้วยว่ามีประวัติการเข้าป่า เพื่อให้การรักษาอย่างทันท่วงที

จาก
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000149727






เพิ่มเติมค่ะ

โรคสครัปไทฟัส

1. สาเหตุ เกิดจากการติดเชื้อริคเก็ทเซีย ซูซูกามูชิ ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ไม่สามารถเพาะเลี้ยงได้ในอาหารเลี้ยงเชื้อ แต่จะเจริญและเพิ่มจำนวนอยู่ภายในเซลของสิ่งมีชีวิต

2. ระบาดวิทยาของโรค

โรคนี้เกิดประปรายกระจายตามส่วนต่าง ๆ ของประเทศไทย พบมากที่สุดในภาคเหนือ รองมาเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบโรคนี้เกิดได้ตลอดทั้งปี แต่จะพบผู้ป่วยสูงสุดในช่วงฤดูฝนโดยเฉพาะในเดือนกันยายนและตุลาคมส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรอาศัยอยู่บริเวณชายป่าโปร่งที่มีตัวไรชุกชุม

แหล่งของโรค

เชื้อโรคอยู่ในตัวไรของหนู, สัตว์แทะ, ตัวอ่อนของไรจะเป็นพาหะของโรคจากสัตว์ตัวหนึ่งไปสู่อีกตัวหนึ่ง เชื้อโรคในตัวไรจะถ่ายทอดกันได้ถึงลูกหลานของมัน ฉะนั้นเมื่อมีโรคนี้อยู่ในบริเวณใด โรคก็จะปรากฎอยู่ในบริเวณนั้นได้นาน ไรตัวแก่จะไม่กัดคนและสัตว์ ไรตัวอ่อนเท่านั้นที่กัดคนและสัตว์ เราจะเห็นอยู่กันเป็นกระจุกสีส้มได้ชัดที่บริเวณรูหูของหนู

การติดต่อ

โรคนี้ติดต่อได้โดยตัวอ่อนของไรที่มีเชื้อนี้มากัดคน ไม่มีการติดต่อจากคนไปสู่คน

ระยะฟักตัว ตั้งแต่ 6-21 วัน ปกติประมาณ 10-12 วัน

อาการ แบ่งได้เป็น 3 กลุ่มคือ

1. Classical type ผู้ป่วยมีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะมาก ตาแดง ปวดกระบอกตา ปวดเมื่อยตามตัว กล้ามเนื้อ เจ็บบริเวณแผลที่ถูกไรอ่อนกัด แผลมีลักษณะคล้ายถูกบุหรี่จี้ (eschar) ซึ่งจะพบได้บริเวณรอบ ๆ เอวหรือรักแร้ หรือขาหนีบ ผู้ป่วยบางรายมีผื่นลักษณะ maculo papular rash ตามลำตัวและกระจายไปแขนขาในปลายสัปดาห์แรก ซึ่งผื่นจะเป็นนาน 3-4 วัน แล้วจางหายไป จากนั้นผู้ป่วยจะฟื้นไข้อย่างช้า ๆ ในรายที่มีอาการรุนแรง จะมีอาการสมองอักเสบ อาจมี กล้ามเนื้อหัวใจตาย มีปอดบวมจากการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม

2. Mild type ผู้ป่วยมีอาการไข้ไม่สูง ไม่ปวดศีรษะรุนแรง มักตรวจไม่พบแผล eschar

3. Subclinical type ผู้ป่วยกลุ่มนี้ไม่แสดงอาการอาจมีไข้เล็กน้อย ปวดศีรษะบ้าง อาการไม่แน่นอน มักพบผู้ป่วยได้โดยบังเอิญจากการตรวจพบปฏิกิริยาทางน้ำเหลือง

การวินิจฉัยโรค

1. อาการและอาการแสดงที่สำคัญ ได้แก่ มีไข้ ปวดศีรษะมาก ตาแดง ปวดกระบอกตา และตรวจพบแผล eschar ต่อมน้ำเหลืองใกล้กับส่วนของร่างกายที่พบ eschar มีขนาดโต อักเสบ กดเจ็บ ผู้ป่วยบางรายมีตับม้ามโต กดเจ็บ

2. การตรวจปฏิกริยาน้ำเหลือง หาภูมิคุ้มกัน โดยเจาะเลือดผู้ป่วยในปลายสัปดาห์ที่ 2 ของโรค มาทดสอบหาระดับแอนติบอดีต่อแอนติเจน ถ้าระดับของแอนติบอดีสูงเกินกว่า 1 : 320 ขึ้นไป หรือระดับสูงขึ้นเป็น 4 เท่า ระหว่างซีรัมที่เจาะในระยะเฉียบพลันกับระยะพักฟื้น แสดงว่าผู้ป่วยเป็นโรค

การรักษา ยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาได้ผลคือ Tetracycline, chloramphenicol, ciprofloxacin และ doxycycline

การป้องและควบคุม : ป้องกันมิให้ตัวอ่อนของไรหนูกัดโดย

ให้คำแนะนำประชาชนที่จะเข้าป่าหรือเข้าไปในพื้นที่ที่สงสัยว่ามีไรอ่อน ควรสวมรองเท้า ถุงเท้าหุ้มปิดขากางเกง หรือใช้ยาทากันแมลงกัด เช่น Diethyl Tolaunide หรือ Carbocylate หรือ Benzyl พ่นตามขอบกางเกงและขอบเสื้อและควรสวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาวปิด ร่างกายให้มิดชิด

เมื่อต้องการพักแรม ควรเลือกที่ตั้งพักเป็นบริเวณโล่งเตียน ควรใช้ยากำจัดแมลงพ่นรอบ ๆ บริเวณที่พัก

แนะนำให้ประชาชนช่วยกันกำจัดหนูและพ่นยาฆ่าแมลง

อาจจะใช้ยา Chemoprophylaxis ป้องกันในรายที่จำเป็นต้องเข้าไปในบริเวณที่มีโรคระบาด

เมื่อออกจากป่า นำผ้ามาต้มหรือแช่ใน Dibutyl phthalate 225 cc. ต่อน้ำอุ่น 4.5 ลิตร พร้อมทั้งใส่ผงซักฟอก 10 ช้อนโต๊ะแช่ไว้ครึ่งชั่วโมงแล้วจึงซัก

เมื่อมีผู้ป่วยเกิดขึ้นให้รีบรายงานเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบงานระบาดวิทยาในพื้นที่เพื่อควบคุมโรค

เมื่อพบผู้ป่วยให้ยาปฏิชีวนะทันที



ที่มา : http://www.geocities.com/crpcmo2k/warning/wkskrub.htm




นักเดินทางทั้งหลายระวังด้วยค่ะ...
ด้วยความเป็นห่วงจากเจ้าของบล๊อกค่ะ




เพลง รู้ไหม
นัททิว AF5


แอบมอง สายตา ของเธออยู่
อยากรู้ เธอคิด อย่างไร กับฉัน
คิดว่าเป็นเพียงเพื่อนกัน
หรือมีอะไรปิดบังไว้

สบตา ของเธอ กับฉัน หน่อย
อย่างน้อย ให้พอมีหวังได้ไหม
ช่วยมอง ตาฉัน อย่างตั้งใจ
ให้ใจฉันได้สัมผัสใจเธอ
จากเพื่อนที่รู้จักเป็นคนที่รู้ใจ
ก็ความรู้สึกมันเปลี่ยนไป
จะทำยังไงก็ไม่เหมือนเดิม

รู้ไหม ในวันนี้ ไม่เหมือนเก่า

รู้ไหม ใครแอบเหงา คิดถึงเธอ
รู้ไหม อยากบอกรัก แต่กลัวเก้อ
ทนไม่ไหว ที่จะห้ามใจ ไม่ให้รักเธอ

แอบคิด เข้าข้าง ตัวเองก่อน
อย่างน้อยเธอคง มีใจ ให้ฉัน
ก็ทุกๆที ที่พบกัน
ยิ่งเจอ ยิ่งทำ ให้หวั่นไหว
จากเพื่อน ที่รู้ใจ เป็นคน ที่รู้ใจ
ก็ความ รู้สึก มันเปลี่ยนไป
จะทำ ยังไง ก็ไม่เหมือนเดิม

รู้ไหม ในวันนี้ ไม่เหมือนเก่า
รู้ไหม ใครแอบเหงา คิดถึงเธอ
รู้ไหม อยากบอกรัก แต่กลัวเก้อ
ทนไม่ไหว (ทนไม่ไหว)
ได้แต่ห้ามใจ(ได้แต่ห้ามใจ)
ไม่ให้รักเธอ (ไม่ให้รักเธอ)

รู้ไหม ในวันนี้ ไม่เหมือนเก่า
รู้ไหม ใครแอบเหงา คิดถึงเธอ
รู้ไหม อยากบอกรัก แต่กลัวเก้อ
ทนไม่ไหว (ทนไม่ไหว)
ที่จะห้ามใจ(ที่จะห้ามใจ)
ไม่ให้รักเธอ (ไม่ให้รักเธอ)


อยากหล่อนักใช่มั๊ย..นี่แน่ะแกล้งซะเลย..เชอะ

วันนี้ข้าพเจ้าเกงาน (อีกแล้ว)...อ้างเหตุผลกะผู้หมวดว่า หลานไม่ได้ทำการบ้าน กลัวหลานถูกทำโทษ เลยต้องหยุด...55555... แต่ความจริงแล้วอยากหยุดเอง...แต่อ้างหลาน....ตื่นมายังไม่มีอะไรจะทำ หรือพูดง่ายๆ ขี้เกียจนั่นล่ะ ก็เลยเปิดเนทอ่านบล๊อกไปตามเรื่องตามราว ไปเปิดเจอรูปใครบางคน...สุดหล่อซะเหลือเกิ๊นนน....หมั่นไส้...ต้องแกล้ง...หล่อนักใช่ป่ะ....555555....เจอกัน...


รูปต้นฉบับล่ะ


เริ่มเบลอโดยโฟโตชอป...แต่หล่อนะตาเหมือนใส่บิกอายเลยอ่ะค่ะ


เริ่มเบลอขึ้นๆ...ก็ยังหล่ออยู่ดีแฮะ



เบลอเพิ่มขึ้นไปอีก ดูซิจะหล่ออีกมั๊ย...แป่ววววววว...หล่ออีกแล้ว

นี่ๆๆๆ...หล่อนักใช่ป่ะเบลอแบบนี้ซะเลย...5555555....(เริ่มสะใจ)

หรือแบบนี้ดีกว่า...แง่ววววววววว.....ก็ยังน่ารักอีก....




นี่ให้หน้าบิดหน้าเบี้ยวซะเลย...หูยยยยย....ยังมีแววว่าหล่ออีกแล้วววววว


หล่อนักใช่มั๊ย.....นี่ๆๆๆๆ ให้เป็นแบบนี้ซะเลย....5555555....สมใจๆๆ


หรือแบบนี้ดีกว่าเป็นขวานฟ้าหน้าด่าง เอ๊ยค่ะ หน้าดำซะเลย ก็ยังหล่ออยู่ดี




เพิ่มความดำให้อีก...แงๆๆๆๆ...มันยังแฝงความหล่อมาให้เห็นอีกอ่ะ...

เอ่อ...ผู้หมวดคะ...คงไม่ว่ากันนะคะ แบบว่าคนไม่มีอะไรจะทำค่ะ...แกล้งกันนิดๆ จิตหงุด...เอ๊ยจิตแจ่มใส เค้าว่ากันว่า แกล้งคนหล่อ ๆ มักไม่งอน ไม่โกรธใช่ป่ะคะ.....55555555......
.
.







วันศุกร์, ธันวาคม 19, 2551

คลายเครียดกันเหอะเนอะ




เมื่อคืนน๊อคสลบ...55555....ตอนนี้อยู่ที่ทำงานภาพรถยี่ห้อแพงๆ 10 อันดับยังใส่ไม่ได้ ไว้กลับบ้านแล้วจะใส่ให้ครบอีก 9 อันดับและกันค่ะ...เปิดเวป ไปเจอคติธรรมคำสอน ขององค์ หลวงปู่ทวด ก็เลยขอเก็บมาฝากเผื่อมีใครสนใจเหมือนเจ้าของบล๊อก...ตอนนี้ต้องเอาคำสอนเข้าข่มกับสถานะการณ์บ้านเมือง การผลัดรัฐบาลใหม่...ผลจะหมู่หรือจ่า อีกไม่นานคงรู้กัน...รู้แต่ว่าใครทำกรรมอันใดไว้กรรมนั้นย่อมคืนสนอง ถ้าหากทำกรรมดีก็ย่อมได้ดีอยู่รอดปลอดภัย ใครคิดร้ายทำสิ่งที่เลวร้ายไว้ ไม่รอดแน่รับรอง...55555....กรรมติดจรวดค่ะ...




คติธรรมคำสอน ขององค์ หลวงปู่ทวดวัดช้างให้ จ.ปัตตานี




ท่านเป็นพระมหาเถระที่รู้จักกันทั่วประเทศ ในนาม หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด "คาถาบูชาท่าน คือ "นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา"



ชาติกาล 3 มีนาคม พ.ศ. 2125ชาติภูมิ บ้านเลียบ ต.ดีหลวง อ.สทิงพระ จ.สงขลา


บรรพชา เมื่ออายุได้ 15 ปีอุปสมบท เมื่ออายุ 20 ปี


มรณภาพ 6 มีนาคม พ.ศ.2225สิริรวมอายุได้ 99 ปี





คติธรรมคำสอน ของ หลวงปู่ทวด




ธรรมประจำใจ พูดมาก เสียมาก พูดน้อย เสียน้อย ไม่พูด ไม่เสีย นิ่งเสีย โพธิสัตว์



ละได้ย่อมสงบทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนแต่เคลื่อนที่ไปสู่ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาทุกอย่างในโลกนี้ เคลื่อนไปสู่การสลายตัวทั้งสิ้น ไม่ยึด ไม่ทุกข์ ไม่สุข ละได้ย่อมสงบ



สันดาน ภูเขาถูกมนุษย์ทำลายลงมาได้ แต่สันดานของคนเราที่นอนนิ่งอยู่ในก้นบึ้ง ซึ่งไม่เหมือนกันย่อมขัดเกลาให้ดีเหมือนกันได้ยาก



ชีวิตทุกข์การเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติหนึ่ง จะว่าประเสริฐก็ประเสริฐ จะว่าไม่ประเสริฐก็ไม่ประเสริฐ จะเห็นได้ว่า ตื่นเช้าก็มีความทุกข์เข้าครอบงำ จะต้องล้างหน้า ล้างปาก ล้างฟัน ล้างมือเสร็จแล้วจะต้องกินต้องถ่าย นี่คือความทุกข์แห่งกายเนื้อ เมื่อเราจะออกจากบ้านก็จะประสบความทุกข์ในหมู่คณะ ในการงาน ในสัมมาอาชีวะการเลี้ยงตนชอบ นี่คือ ความทุกข์ในการแสวงหาปัจจัย



บรรเทาทุกข์การที่เราจะไม่ต้องทุกข์มากนั้น เราจะต้องรู้ว่า เรานี้จะต้องไม่เอาชีวิตไปฝากสังคม เราต้องเป็นตัวของเราเองและเราจะต้องวินิจฉัย ในเหตุการณ์ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับตัวเราว่าส่งใดเราควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ



ยากกว่าการเกิดในการที่เราเกิดมา ชีวิตแห่งการเกิดนั้นง่าย แต่ชีวิตแห่งการอยู่นั้นสิยาก เราจะทำอย่างไรให้อยู่ได้อย่างสุขสบาย



ไม่สิ้นสุดแม่น้ำทะเล และมหาสมุทร ไม่มีที่สิ้นสุดของน้ำ ฉันใด กิเลสตัณหาของมนุษย์ก็ย่อมไม่มีที่สิ้นสุด ฉันนั้น



ยึดจึงเดือดร้อนทุกวันนี้ เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อน ก็เพราะมนุษย์ไปยึดโน่นยึดนี่ ยึดพวกยึดพ้อง ยึดหมู่ยึดคณะ ยึดประเทศเป็นสรณะ โดยไม่คำนึงถึงธรรม สากลจักรวาลโลกมนุษย์นี้ ทุกคนมีกรรมจึงเกิดมาเป็นสัตว์โลก สัตว์โลกทุนคนต้องใช้กรรมตามวาระ ตามกรรม ถ้าทุกคนยึดถือเป็นอารมณ์ ก็จะเกิดการเข่นฆ่ากัน เกิดการฆ่าฟันกัน เพราะอารมณ์แห่งการยึดถืออายตนะ ฉะนั้น ต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ว่า สิ่งใดทำแล้ว สัตว์โลกมีความสุข สิ่งนั้นควรทำ นี่คือหลักความจริงของธรรมะ



อยู่ให้สบายในภาวะแห่งการที่จะอยู่อย่างสบายนั้น เราต้องอยู่กันอย่างไม่ยึด อยู่กันอย่างไม่ยินดี อยู่กันอย่างไม่ยินร้ายอยู่กันอย่างพยายามให้จิตวิญญาณของนามธรรมนั้นเหนืออารมณ์ เหนือคำสรรเสริญ เหนือนินทา เหนือความผิดหวัง เหนือความสำเร็จ เหนือรัก เหนือชัง



ธรรมารมณ์การอยู่อย่างมีธรรมารมณ์ คือการอยู่เหนือความรู้สึกทั้งปวง อยู่อย่างรู้หน้าที่การเป็นคน และรู้หน้าที่ในการงาน คือรู้ว่าสิ่งที่เราทำนั้น เป็นสิ่งที่เราต้องทำ ไม่ใช่ทำเพื่อหวังผลตอบแทน เพราะถ้าเราทำงานเพื่อหวังผลตอบแทนต่างๆแล้ว ถ้าสิ่งต่างๆไม่สัมฤทธิ์ผลตามความหวังนั้น เราย่อมเกิดความโทมนัส เสียใจน้อยใจ เป็นทุกข์



กรรม ถ้าเรามีชีวิตอยู่อย่างที่ว่า เกิดเพราะกรรม อยู่เพื่อกรรม ทำเพราะกรรม ตายเพราะกรรมแล้ว ชีวิตการเป็นมนุษย์ย่อมมีความภิรมย์ มีความรื่นเริง
มารยาทของผู้เป็นใหญ่" ผู้ใหญ่ไม่ใช่อยู่ที่เกิดก่อน ผู้ดีไม่ใช่อยู่ที่เรียนสูง " มารยาทจรรยาของการเป็นผู้ใหญ่ ก็คือต้องสุขุมรอบคอบ และไม่ยึดติดเสียงเป็นหลัก คือ ต้องไม่หวั่นไหวกับคำนินทาและสรรเสริญ



โลกิยะหรือโลกุตระ คนที่เดินทางโลกุตระ ย่อมไปดีทางโลกิยะไม่ได้ คนที่เดินทางโลกิยะย่อมสำเร็จทางโลกุตระได้ยาก เพราะอะไร ? ถ้าคนหนึ่งสำเร็จได้ทั้งโลกิยะ และโลกุตระง่ายแล้ว ทำไม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธโคดม ต้องสละราชบัลลังก์แห่งจักรพรรดิไปเป็นธรรมราชาเล่า ถ้าเป็นไปได้ พระองค์เป็นมหาจักรพรรดิพร้อมทั้งธรรมราชา ไม่ดีหรือ? แต่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะโลกของโลกิยะและโลกุตระเดินคู่ขนานกัน เราต้องตัดสินใจ ต้องมีความเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญในการที่จะเลือกทางใดทางหนึ่ง



ศิษย์แท้พิจารณากาย ในกาย พิจารณาธรรม ในธรรม พิจารณาวิญญาณ ในวิญญาณ นั่นแหละ คือ สานุศิษย์อันแท้จริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
รู้ซึ้งทุกอย่างจะต้องมีเหตุ เมื่อมีเหตุจึงจะมีผล ผลนั้นเกิดจากเหตุ เราได้วินิจฉัยข้อนี้แล้ว เราจึงรู้ซึ้งถึงพุทธศาสนา



ใจสำคัญการทำบุญนั้น จะต้องทำด้วยจิตใจบริสุทธิ์ จะต้องทำด้วยความศรัทธา ผลสะท้อนมันจะเกิดขึ้น เกินความคาดหมาย



หยุดพิจารณาคนเรานี้ ถ้าไม่มีอะไรทำอยู่ในที่วิเวกคนเดียว จิตมันจะฟุ้งซ่าน และถ้าภาวะนั้นตนไม่ปล่อยให้จิตฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ คือหยุดพิจารณาแล้วค้นสัจจะของ ศีล สมาธิ ปัญญา ย่อมที่จะค้นหาสัจจะในธรรมะได้



บริจาคทำบุญสังฆทานเป็นจาคะ จาคะเป็นการบริจาคโภคทรัพย์ภายนอน การสวดมนต์เป็นการภาวนา การภาวนาเป็นการบริจาคภายใน เพราะฉะนั้น ถ้านับในด้านทิพย์อำนาจ การบริจาคภายในย่อมได้กุศล มากว่า การบริจาคภายนอน นี่คือเรื่องของนามธรรม



ทำด้วยใจสงบเราจะทำบุญก็ดี เราจะทำอะไรก็ดี จงทำด้วยความสงบ อย่าทำด้วยอารมณ์แห่งความร้อน เพราะการทำด้วยอารมณ์ร้อนนั้น มันจะพาเราไปสู่หายนะ เมื่อเกิดอารมณ์ร้อน เราจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จงอย่าทำ นั่งให้จิตใจมันสบายเสียก่อน เมื่อจิตใจสบายแล้วปัญญาก็เกิด เมื่อเกิดปัญญาแล้ว จะทำสิ่งใดก็เป็นไปโดยความสะดวก



มีสติพร้อมจะทำสิ่งใดก็ตาม เราต้องมีสติพร้อม คือ อย่าให้มีโทสะ อย่าให้อารมณ์เข้ามาควบคุมสติ อย่าให้เรื่องส่วนตัวและขาดเหตุผลมาอยู่เหนือความจริง
เตือนมนุษย์มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่งานส่วนตัว มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีงานทำในไม่ช้า มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่ทรัพย์ส่วนตัว มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีทรัพย์ครองในไม่ช้ามนุษย์ผู้ใด เห็นแก่นอนมาก มนุษย์ผู้นั้น จะไม่ได้นอนในไม่ช้า



พิจารณาตัวเองคืนหนึ่งก็ดี วันหนึ่งก็ดี ควรให้มีเวลาว่างสัก 5 นาที หรือ 10 นาที ไม่ติดต่อกับใคร ให้นั่งเฉยๆ คิดถึงเหตุการณ์ที่เราทำไปแต่ละวันๆ ว่าที่เราทำไปนั้นเป็นอย่างไร คือให้ปลีกตัวมีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง คิดเอาแต่เรื่องของตัว อย่าไปคิดเรื่องของคนอื่น เพราะมนุษย์เราส่วนมากทุกวันนี้ มักเอาแต่เรื่องของคนอื่นมาคิด ไม่ค่อยคิดเรื่องของตัวเอง

คัดลอกจากหนังสือ เรียนธรรมะบูชาพระสุปฏิปันโน เล่มของ หลวงปู่ทวดขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม






เครียดกันไปป่ะคะ...55555555......งั้นมาคลายเครียด โดยเฉพาะคนที่ตกงานกำลังหางานทำ หรือต้องการจะวางแผนให้ได้งานที่ต้องการ จะเอาวิธีการสมัครงานแบบนี้ไปใช้ก็ได้นะคะไม่ว่ากัน...ถ้าได้ก็ต้องไปขอบคุณคนต้นคิดบทความคลายเครียดอันนี้เองค่ะเพราะขออนุญาติ (ในใจ) เอามาเผยแพร่ต่อ นั่งอ่านแล้วขำคนทำ คิดไปได้...5555555....







จดหมายสหมักงาน



นู๋ชื่อ ฉัยลัย นามกุน ซะไม่มี นะค่ะ แบบว่า นู๋เห็นปะกาดในนั๋งสือพิม แบบว่า บอษัทของคุนผู้จัดกานต้องกานเรขา นู๋ก้อเรยเขนจดม๋ายมาหมักคะ นู๋เขนม่ายเก่งคะ แต่นู๋พิมดีดด้วยนิ้วชี้ได้เรวมากมายคะ แถมนู๋คิดเรขได้เรวโคดอีกตังหักคะ ผู้จัดกานจาให้เงินเดินนู๋กี่ตัง ก้อแล้วแต่ผู้จัดกานจาพิจานาคะ นู๋ก๊อ แบบว่า หยากทัมงาน นะ บัดนาวคะ ไอ่เพิ่นนู๋ มันมาอ่าน แร้วมันบ๊อกว้า จดม๋ายหมักงานของนู๋สั่นไป นู๋ก้อเรยแปะลูปปลากอบมาด้วยคะ

นับทือมากมายคะ
ฉัยลัย ซะไม่มี




ลูปนู๋คะ










จดหมายตอบจากผู้จัดการ ...



ถึง คุณ ไฉไล ซะไม่มี ที่คุณบอกว่า เขียนไม่เก่งนั้น ไม่ต้องกังวล บริษัทของเรา มีโปรแกรมแก้คำผิดที่มีสมรรถภาพ ตำแหน่งเลขาฯที่คุณต้องการ เป็นของคุณแล้ว กรุณามาเริ่มทำงานได้ตั้งแต่เช้าตรู่ในวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป



ลงชื่อ *********
ผู้จัดการ








จดหมายด่วนถึงผู้จัดการ จาก ประธานบริษัท


ผมได้พิจารณา resume ของคุณฉัยลัย ซะไม่มี จากคนสนิทของผมแล้ว ผมรู้สึกประทับใจในรูปสมบัติ และคุณสมบัติของเธอเป็นอันมาก(รูปถ่ายเล็กไปหน่อยนะ โปรดแจ้งกับเธอให้ส่งรูปถ่ายเต็มตัวแบบหันหน้าตรงมาให้ผมโดยด่วน) และคุณก็ทราบดีอยู่แล้วว่า เลขาคนเก่าของผมลาออกไปอีกแล้ว ดังนั้น ผมจึงขอให้คุณส่งเธอมาเป็นเลขาส่วนตัวของผมทันทีที่เริ่มงาน และช่วยแจ้งเธอด้วยว่า แอร์ในห้องผมไม่เย็นนัก เพราะผมเป็นคนขี้หนาว ดังนั้น วันมาทำงานไม่ต้องแต่งตัวแบบรัดกุมนัก และวันไหนทำงานเลิกดึก ผมจะมีเงินพิเศษให้ด้วย


จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ประธานบริษัท




ปล. ช่วยสั่งโชฟายาวในห้องทำงานของผมให้ใหม่ด้วย เพราะตัวเดิมที่สั่งมาต้นปีนี้ได้พังอีกแล้ว








หวัดดีค่ะ คุนประทานบอษัท


ขอบพะคุนที่ท่านให้ความสนจัยค่ะ





ลูปนู๋ แบบหันหน้าตรงค่ะ


Weekend Love
Spice Girls


la la la la la la la la la la

You thought that this was love
But my plan wasn't that for us
I thought that you would understand
I didn't want you for my full time man

I like the way you made me feel that night
It's something that I can't deny
But I've been hurt before
I can't take it no more
That's why, that's why

A weekend love is all it was
Nothing serious because
We're playing games we're only young
Get with it, it was just a weekend love

You thought you'd break the rules
You thought that I would be a fool
But now that the tables have turned
This is a lesson you didn't want to learn

I like the way you made me feel inside
It's something I just had to try
But I've been hurt before
I can't take it no more
That's why, that's why

A weekend love is all it was
Nothing serious because
We're playing games we're only young
Get with it, it was just a weekend love

A weekend love is all it was
Nothing serious because
We're playing games we're only young
Get with it, it was just a weekend love

Don't try to make me believe that you'd never hurt someone
Now that pain has come back to you
You thought the love you had was true
And now you don't know what to do

Everytime I turn around you're standing right there
I really don't want you and I really don't care
I can't think about you no, not forever
What we had was good but theres much much better
You try to blame me, I'll put the blame on you
You play the game baby, I can play the game to
You say you want me back it's a simple fact that
Darkchild and all my girls got my back like that - yeah

Spice girls, Dark child

A weekend love is all it was
Nothing serious because
We're playing games we're only young
Get with it, it was just a weekend love

A weekend love is all it was
Nothing serious because
We're playing games we're only young
Get with it, it was just a weekend love
A little weekend love

la la la la la la la la la la




Personlove

วันที่เขียน