วันพุธ, ตุลาคม 22, 2551

วันที่สิบสี่ : รักสามเศร้า






ต้องการเพลงใหม่ๆ ใช่มั้ย คลิกที่นี่



รักสามเศร้า




นับจากวันนั้น วันที่เธอทิ้ง
ฉันต้องยอมรับความจริง แม้ว่ามันไม่ง่ายเลย
นับจากวันนั้น ฉันก็เจอเขา
เขาที่คอยเช็ดน้ำตา คอยดูแลไม่ห่าง

* อย่าร้อง เขาบอกกับฉันว่าอย่าร้อง
มีเขาทั้งคนจะคอยอยู่ข้างฉัน
และแล้ว และเราทั้งสองก็ได้คบ
และไปด้วยดี ทำไมเธอกลับมาเอาตอนนี้

** คนหนึ่งเขาช่างดีกับฉัน จะทิ้งเขาลงยังไง
คนหนึ่งเคยทิ้งไป แต่รักไม่เคยจางหาย
ฉันไม่ใช่เจ้าหญิงจากไหน ก็คงต้องเลือกซักทาง
ทางที่รักสามเศร้าต้องจบ

นับจากวันนี้ ฉันต้องเข้มแข็ง
ระหว่างคนที่รักเรา หรือว่ารักครั้งก่อน

ซ้ำ *,**,**,**

นั่งฟังเพลงนี้แล้วคิดตามเนื้อเพลง ถึงคนแต่งและคนร้อง เข้าใจว่าการแต่งเพลงแต่ละเพลงของนักแต่งเพลงส่วนมาก ถ้าไม่แต่งตามแนว และความคิดของตัวเองแล้ว ปัจจุบันนี้มักจะแต่งตามคนที่จะนำไปร้อง เพลงนี้ฟังตามเนื้อเพลงแล้วคงหมายถึงคนๆ หนึ่งที่เคยผิดหวังกับความรักครั้งเก่า และตอนนี้มีความรักใหม่เกิดขึ้นแล้ว แต่คนรักเก่าที่จากไปแสนนานหวนกลับมาทำให้ตัดสินใจลำบาก..55555 จริงๆ แล้วไม่เห็นจะลำบากเลย คิดง่ายๆ คนที่ทิ้งเราไป เค้าจะกลับมาด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่อย่างน้อยเค้าก็เคยทิ้งเราไป ในเวลานั้นเราคงเจ็บปวดอยู่คนเดียว คนทำไม่รู้สึก แต่คนที่รู้สึกมักเป็นคนที่ถูกกระทำ เป็นกฏตายตัวของความผิดหวังในความรักเลยล่ะ..แต่อย่างว่า ความรัก ความผูกพัน มักไม่เข้าใครออกใคร โดยเฉพาะคนที่ถูกทิ้งเพราะคนๆ หนึ่ง คงอยากรู้ว่าเค้าทิ้งไปเพราะอะไร เวลาที่เค้าหวนกลับมาก็อยากรู้ หรืออยากหาเหตุผล บางอย่าง...หรืออาจเพราะรักก็ได้ แต่ด้วยเหตุผลอะไรจงจำไว้ว่า ..คนๆ นี้ คือ คนที่เคยทำให้เราเจ็บ...สำหรับตัวเองเป็นคนเจ็บแล้วจำ...มีโอกาสทำได้แค่ครั้งเดียว นอกนั้นไม่ให้โอกาสแล้วค่ะ 555555 ใครจะว่าใจดำก็ตามแต่...คิดถึงได้แต่ไม่กลับคืนค่ะ

นั่งฟังเพลงนี้แล้วก็ยังคงคิดถึงใครบางคน...ที่อยู่ในความทรงจำแม้ทุกวันนี้ก็ไม่เคยลืม สำหรับตัวเองเป็นคนแยกแยะความเลว ความดีออกจากกัน...ความเลวไม่ดีที่เคยมีต่อกัน คิดไปก็ทุกข์ใจกันเปล่าๆ จึงขออยู่กับความทรงจำที่ดี ทำให้รู้สึกดี มีความสุขที่อย่างน้อยเคยมีช่วงวันเวลาที่ดีๆ กับใครบางคน...และไม่จำเป็นที่ใครบางคนนั้นต้องรับรู้ความรู้สึกและความคิดถึงนี้...เพราะต่างคนต่างก็มีวิถีชีวิตเป็นของตัวเอง...ขอแค่ได้คิดถึงก็พอใจแล้ว...

วันนี้ (22 ต.ค 2551) ไปซื้อกระเบื้องเพิ่มเติมกว่าจะถึงร้านก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่มใกล้ร้านปิด ไปแบบลุ้นๆ ว่าจะทันมั๊ยหนอ...รถติดมากมาย...ออกจากบ้านหกโมงได้แล้ว...ระยะทางที่ไปตามปกติไม่ถึง ช.ม ก็ถึงแล้วนี่เกือบสอง ช.ม...เฮ้อ...ประเทศไทย...เมื่อได้กระเบื้องแล้วต้องขนไปที่บ้านใหม่เพื่อให้ช่างทำงานต่อ บรรทุกซะรถหน้าเชิด 5555555 เพราะซื้อไม่ถึงสี่พันบาททางร้านเค้าไม่ส่งให้เลยต้องขนไปเอง...เหนื่อยมาก..จริงๆ กระเบื้องก็หนักมากแค่ 6 กล่องรถยังเชิดขนาดนี้หนำซ้ำไปทางที่ไม่เคยไป คอยลุ้นตลอดเวลาเพราะมีบางช่วงน้ำท่วมค่อนข้างเยอะ เพราะฝนเพิ่งหยุดตกอีกอย่างริมถนนก็เป็นคลองน้ำปริ่มท่วมมาที่ถนน ผ่านถนนนี้คิดไปว่าน่าสงสารคนที่อยู่แถวนี้จัง เปลี่ยวก็เปลี่ยว มืดก็มืด ไฟฟ้าบางช่วงก็ไม่มีถนนก็แคบทั้งที่เป็นถนนใหญ่ ถ้ารถตายแถวนี้แย่เลยเรา .... นี่ละประเทศไทย มีอะไรกำหนดนะว่าถนนเส้นไหนควรทำหรือไม่ควรทำเพราะเท่าที่เห็นถนนทุกสายมีประชาชนเข้าไปอยู่กันเยอะทุกถนนล่ะ ถนนที่ไกลกว่านี้อีกเส้นทำไมเจริญกว่านี้นะ แล้วทำไมเส้นนี้ถึงด้อยพัฒนาเหมือนอยู่ชนบทยังไงยังงั้นทั้งที่อยู่ในเมืองหลวงเหมือนกัน....

ไปถึงบ้านใหม่...เห็นช่างของคนรับต่อเติมบ้านเปิดไฟอยู่บนชั้นสอง...คนที่ไปด้วยเริ่มบ่นว่าทำไมให้คนงานไปนอนบนชั้นสอง แล้วห้องน้ำล่ะเค้าใช้ชั้นไหน...เริ่มปวดหัวตรึบๆ มันจะบ่นทำไมฟระค่ะ ก็เลยตอบเค้าไปว่า...เอาน่ะ...อย่าไปคิดอะไรมาก..ตราบใดที่เรายังไม่เข้าอยู่ ตอนที่เค้าก่อสร้างเราเองก้อไม่รู้ว่าอาจจะมีใครมาใช้นอนก็ได้...อีกอย่างห้องข้างล่างทุกห้อง ของตั้งอยู่เกะกะเพียบและเค้าเองก็บอกเราว่าเค้าจะขอนอนในครัวซึ่งมีทั้งกระเบื้อง สี และของสารพัดตั้งเกะกะอยู่..เค้าเอาลูกซึ่งโตพูดรู้เรื่องแล้วมาด้วย สงสารเด็กที่จะให้นอนในห้องนี้ อีกอย่างคนต่อเติมเค้าก็ขออนุญาตพักที่บ้านเพราะเค้าไม่สามารถรับส่งช่างของเค้าได้ทุกวัน การปูกระเบื้องก็ต้องใช้เวลาหลายวัน คนเราต้องฟังเหตุผลคนอื่นบ้าง ก็เลยอนุญาต อีกอย่างห้องที่อนุญาตก็ไม่ได้เป็นห้องของคนที่บ่นเลย (มันจะบ่นหา...อะไรเนี่ย) เพราะบอกเค้าแล้วว่าอนุญาตเฉพาะห้องนี้ห้องเดียวห้ามไปยุ่งกับห้องอื่นเด็ดขาด...เมื่ออนุญาติแบบนี้เราก็ต้องให้เกียรติเค้า...และอีกอย่างเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยตอบแทนเค้าได้ในการที่ทำให้เค้าทำงานให้บ้านเราสวยงามตามที่เราต้องการด้วย...อย่างนั้นยังมีเสียงเล็ดลอดมาอีกว่า...แล้วน้ำ ไฟ ที่เค้าใช้ล่ะ เค้าใช้ไฟกะน้ำบ้านเรานะเราต้องจ่ายให้เค้า...นะ...เลยบอกเค้าว่า สรุป ใครเป็นคนจ่ายค่าน้ำค่าไฟให้ตอบมา เค้าก็ตอบว่า เรา อ่าว แล้วมันจะบ่นทำไมฟระค่ะ คนจ่ายไม่ได้พูดอะไรสักคำ...555555...

เข้าไปดูการต่อเติม...สวยจัง....ฝีมือเยี่ยม...ทำให้ได้คิดว่าบางทีการไว้ใจกันและกัน การให้เกียรติกันและกันไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นใครในสังคม เป็นสิ่งจำเป็นและเป็นน้ำใจที่ดีต่อกัน อัชฌาสัยที่มีต่อกันทำให้ทุกอย่างดีหมด..ปล่อยให้ช่างแสดงฝีมือตามถนัดและชอบ เราแค่บอกความต้องการและปรึกษาในสิ่งที่เราเองไม่ถนัดแล้วสรุปเอาสิ่งที่ดีที่สุดออกมาตามความถนัดของคน...แค่นี้ก็จะได้ในสิ่งที่ทุกคนต้องการโดยเฉพาะเราคนจ่ายเงิน...น้ำใจจึงเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญในสังคมยุคนี้....

วันนี้ปั่นงานให้เสร็จ..ทำงานตัวเองเสร็จแล้ว มีเวลาเหลือก็เลยไปขโมยงานเพื่อนมาทำให้....เพราะอาทิตย์หน้าจะเบี้ยวงานทั้งอาทิตย์...เผื่อเพื่อนจะได้ทำในส่วนของเราในเวลาที่เราไม่อยู่...พองานใกล้เสร็จฝนก็เทมาเหมือนฟ้ารั่ว...เพื่อนบอก ใครนัดฝนไว้เหรอพอถึงเวลามาแบบนี้ทุกทีสิน่า...กลับมานั่งอ่านเวปได้เห็นคนเขียนถึงอภินิหารบุญญาธิการของในหลวงที่ทรงเสด็จไปทอดกฐินน่าจะเป็นวัดบวรฯ ถ้าจำไม่ผิดบอกว่าพระองค์เสด็จไปตามเวลาทั้งที่ฝนกำลังตก แต่พอท่านเสด็จถึงวัดบวรฯ ฝนหยุดตกทันที มีลมพัดโชยให้เย็นชื่นใจ เหมือนฟ้าฝนจะเปิดทางให้กับพระองค์ท่าน...ทั้งที่ไม่น่าจะหยุดกระทันหันแบบนั้น...ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญค่ะ...พูดถึงเรื่องนี้นึกถึงเรื่องการแตกแยกอีกแล้ว...อย่าแตกแยกกันเลยค่ะใครที่ไปรวมกลุ่มกับใครก็กลับถิ่นฐานบ้านช่องได้แล้วนะคะ...ทุกอย่างต้องมีลิมิทกันบ้าง...อยู่ในขอบเขตที่สังคมส่วนใหญ่ยอมรับด้วย..อย่ายึด หรือ ติดยึด กับสิ่งที่เราไม่ได้กำมาตอนที่เราเกิด ปล่อยวางบ้างเพื่อประเทศ เพื่อสังคม เศรษฐกิจ อย่าทำให้ย่อยยับไปมากกว่านี้เลยค่ะ พอซะทีเหอะบทบาทแบบนี้...เห็นเสื้อเหลืองแล้วอยากอ๊วกยังไงไม่รู้ค่ะ...เมื่อก่อนของสีแดง เสื้อแดง กางเกงแดงเห็นแล้วอ๊วก เดี่ยวนี้เกิดอาการแบบนี้อีกกับเสื้อเหลืองหรือของที่สีเหลืองจะไม่เลือกซื้อหรือใช้เลยมันเอียนๆ ยังไงไม่รู้ค่ะ (ไม่ได้ว่าใครนะเป็นความรู้สึกเรื่องสีส่วนตัว)

2 ความคิดเห็น:

  1. ความรักก็แบบนี้แหละคับ มีทุกข์ มีสมใจ ผมเองก่อนที่เราจะพบกัน ก็เคยอกหักมาหลายครั้ง ทุกครั้งก็ทำใจได้ด้วยความคิดที่ว่า อะไรที่ไม่ใช่ของของเรา สักวันก็ต้องจากกันไปเอง ก็เลยปลงตกไวขึ้น เหอๆๆ
    ความรักนี่คนเราไม่ค่อยจะเข็ดกันนักหรอกคับ แบบว่า...
    เจ็บไหม? เจ็บ
    เข็ดไหม?....ไม่เข็ด
    เหอะๆๆ

    เรื่องช่างที่เค้ามานอนในบ้านผมเองก็ไม่เห็นว่ามันไม่น่าจะต้องคิดมากนะคับ
    ก็เขาทำงานให้เราอีกอย่างถ้าต่างคนต่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน
    เราดีกะเขาไม่เบี้ยว ไม่งก ไม่เรื่องมาก เขาก็ทำงานให้เราดี
    และความเกรงใจมันก็จะมีตามมาเอง ไม่เห็นน่ากังวลอะไรเลย

    เรื่องสีเสื้อผมเจอเมื่อวานนี้เองเด็ดๆเลย คือที่ทำงานผมจะมีวันกีฬาอาทิตย์ละครั้ง
    ในแผนกผมเขามีสีเสื้อประจำคือสีเหลืองกัน ผมก็เลยต้องใส่เสื้อนาโนสีเหลืองกับกางเกงวอร์ม และรองเท้ากีฬาไปทำงาน
    ทีนี้ชอตเด็ดมันมาเจอะตอนขากลับ ผมกลับถึงบ้านแล้วก็เดินไปที่ร้านแถวๆบ้าน เจอน้องที่รู้จักกันเขามองผมหวาดๆ
    แล้วถามว่า "พี่ๆไปไหนมา?"
    ผมก็มองหน้าก็รู้แระว่าเขาคิดไรอยู่เหอๆ - -
    เลยบอกเขาว่า ไปทำงานดิวันกีฬา เขาบังคับใส่น่ะไม่มีไรหรอก
    น้องคนนั้นก็เลยทำหน้าโล่งอกร้อง อ่อ......(ลากเสียงยาวๆ)
    แล้วเดินจากไป ผมเองก็คิดในใจว่าวันกีฬาเห็นทีต้องรีบกลับบ้านแล้วแฮะ คราวหน้าอาจไม่เจอคนรู้จัก และไม่เจอถาม อาจเจอฟาดด้วยไม้หน้าสามแทนเพราะเข้าใจผิดแหงเลย - -"

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ14 พฤศจิกายน, 2551 23:45

    ชอบมาก ๆเลย เพลงรักสามเศร้านี้

    ตอบลบ

ออกความเห็นสักนิดจะมีข้อคิดให้อ่านทุกว้นค่ะ

Personlove

วันที่เขียน